วันที่ 15 พ.ย.67 นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ส่งสำนวนคดีระหว่าง น.ส.วันวิสา ทองสุข กับพวก ผู้กล่าวหา บริษัท เคทูเอ็น โกลด์ จำกัด โดย นายกานต์พล เรืองอร่าม หรือป๋าเบียร์ ผู้ต้องหาที่ 1, นายกานต์พล เรืองอร่าม ผู้ต้องหาที่ 2, น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือแม่ตั้ก ผู้ต้องหาที่ 3 ให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 8 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา ที่ 1, 2 และ 3 ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" และมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณ แห่งของนั้นอันเป็นเท็จ

ในวันนี้ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 8 ได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสาม ฐาน"ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น, ร่วมกันขายสินค้าที่ควบคุมฉลากโดยไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่ฉลากหรือการแสดงฉลากนั้นไม่ถูกต้อง และร่วมกันประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343, 83, 91 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 22, 30, 47, 52 พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 มาตรา 27, 47 ที่แก้ไขแล้ว ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ฐานร่วมกันขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณ แห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน และได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 ต่อศาลอาญาในวันนี้แล้ว

สำหรับ กรณีที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาได้เสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณา (ผบ.ตร.)ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ต่อไป

ทั้งนี้ ศาลอาญารับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่อทย.582/2567 และให้ออกหมายเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำเพื่อมาสอบคำให้การจำเลยวันที่ 18 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ แม่ตั๊ก และป๋าเบียร์ ได้เปิดบริษัทหลอกลวงขายทองคำที่ไม่ได้มาตรฐาน ราคาต่ำกว่าตลาด จนมีผู้เสียหายจำนวน มาก หลงเชื่อมาซื้อทอง ที่ไม่ได้มาตรฐาน และได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. ติดตามจับกุมแม่ตั๊ก ป๋าเบียร์ มาดำเนินคดี และตำรวจได้มีการติดตามเส้นทางการเงิน และทรัพย์สินของผู้ต้องหา โดยสามารถอายัดทรัพย์สิน ส่งไปยัง ป.ป.ง.แล้ว มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ตรวจสอบเพื่อยึดอายัดให้ตกเป็นของแผ่นดิน