กองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย กลุ่มกะเหรี่ยงอิสระ/KNLA และ กะเหรี่ยงคาเรนนี/KA เปิดปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นของทหารเมียนมาที่อยู่ใกล้ชายแดนไทยด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน คาดจะมีการสู้รบยืดเยื้อต่อเนื่องอีกครั้งเมื่อทางการเมียนมาส่งเครื่องบินมาทิ้งอาวุธกระสุนและเสบียงอาหารให้กับทหารที่ถูกปิดล้อมและโจมตีชนกลุ่มน้อยอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงของ กองกำลังติดอาวุธกะเหรี่ยงคาเรนนี/Karenni Army; KA เปิดเผยถึงสถานการณ์การสู้รบในพื้นที่รัฐคาเรนนีว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2567 เวลาประมาณ 17.20 น. กองกำลังติดอาวุธคาเรนนี กองพันที่ 2 ฐานยามู ได้จัดกำลังออกไปโจมตีทหารเมียนมา บริเวณห้วยแม่ลายู ฐานแม่ลายู ของกองพันทหารราบที่ 134 และ กองพันที่ 54 ซึ่งอยู่รวมกัน โดยค่ายดังกล่าว ตั้งอยู่ตรงข้ามช่องทางบ้านดอยแสง ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน สาเหตุการเข้าโจมตี ค่ายของทหารเมียนมาดังกล่าว มาจากทางกองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี/KA ได้ตรวจพบการเคลื่อนไหวของทหารเมียนมา ที่ได้มีการส่งกำลังเพิ่มเติมจากพื้นที่บ้านหัวเมือง รัฐฉานเข้ามาในรัฐคาเรนนี บริเวณพื้นที่ดังกล่าว

นอกจากการสู้รบในพื้นที่ติดแนวชายแดนไทยแล้ว ในพื้นที่ชั้นในของรัฐคาเรนนีที่เมืองผาซอง ทางกองกำลัง KA ได้มีการโจมตีทหารเมียนมาที่ค่ายผาซอง และยึดสถานีดับเพลิงไว้ได้แล้ว ขณะที่ทางการเมียนมาได้มีการส่งเครื่องบินมาทิ้งสัมภาระด้านการทหารให้กับฝ่ายตน แต่ทางฝ่ายคาเรนนีสามารถยึดสัมภาระได้ เป็นกระสุนขนาด 7.62 มม.ที่ใช้กับปืนกลเบา จำนวน 1,000 กว่านัด 

นอกจากในรัฐคาเรนนีแล้วในรัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นพื้นที่การเคลื่อนไหวของ กองกำลัง  KNLA กองพลน้อยที่ 7 และ กองพลน้อยที่ 5 ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.สบเมยและอ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ได้มีการสู้รบกันอย่างหนัก โดยกองกำลังกะเหรี่ยงอิสระ KNLA ได้โจมตีค่ายทหารเมียนมา ค่ายเมอนาปลอ ซึ่งอยู่ตรงข้าม อ.สบเมย และพื้นที่ บ้านผาปูน พื้นที่ของกองพลน้อยที่ 5 ตรงข้าม อ.แม่สะเรียง โดยทางฝ่ายทหารกะเหรี่ยงพยายามบุกเข้ายึดค่ายทหารเมียนมาที่ยังหลงเหลือในพื้นที่ของตนอย่างต่อเนื่อง โดยทางการเมียนมาได้มีการใช้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่ทหารกะเหรี่ยงขณะที่มีการสู้รบกับทหารเมียนมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

จากสถานการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงของไทย ประเมินว่า ในห้วงเข้าสู่ฤดูแล้ง ทางฝ่ายชนกลุ่มน้อย จะพยายามเข้ายึดค่ายของทหารเมียนมาที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ของตน ขณะที่ทางการเมียนมาก็พยายามเสริมกำลังทหารใหม่เข้ามาเพื่อยึดครองพื้นที่ตนเอง ที่เคยแตกพ่ายให้แก่ชนกลุ่มน้อยเมื่อปีที่ผ่านมาและคาดการณ์ว่าจะมีการสู้รบรุนแรงอีกต่อไป ในเบื้องต้นการสู้รบในเมียนมา ยังไม่ส่งผลกระทบต่อไทยหรือมีการอพยพหนีเข้ามาของราษฎรเมียนมาแต่อย่างใด