คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
อีกสองเดือนข้างหน้าจะเป็นวันครบรอบสามปีของสงครามยูเครน ที่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022
ครั้งที่รัสเซียบุกยูเครนในช่วงแรกๆ จากการหยั่งเสียงของศูนย์ “Pew Research” เปิดเผยออกมาว่า ชาวอเมริกัน 42% คิดว่าสหรัฐอเมริกามิได้สนับสนุนยูเครนมากเท่าที่ควร
แต่ขณะนี้ชาวอเมริกันให้ความคิดเห็นว่า สมควรที่จะสนับสนุนยูเครนทำสงครามลดลงเหลือแค่เพียง 31% เท่านั้น โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมมีความคิดเห็นว่า สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนมากเกินไป แต่ในทางกลับกันนักการเมืองในค่ายพรรคเดโมแครตคิดว่า สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือยูเครนน้อยเกินไป!!!
และยังมีการพูดถึงเรื่องการยุติสงครามกันอย่างหนาหูที่ต่างโฟกัสไปในประเด็นที่ว่า “มีวิธีไหนบ้างที่จะสร้างความพอใจให้ทั้งรัสเซียและทั้งยูเครน”
ที่ผ่านๆมาทุกๆสงครามไม่เคยมีสถิติที่แน่นอนเกี่ยวกับจำนวนทหารที่เสียชีวิตและจำนวนทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทำนองเดียวกันกับสงครามยูเครน
ทั้งนี้จากข้อมูลของ “กระทรวงกลาโหมยูเครน”ได้เปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า ขณะนี้ทหารของยูเครนเสียชีวิตไปแล้วกว่าห้าแสนคน ส่วนข้อมูลของสหประชาชาติเปิดเผยออกมาเมื่อเดือนมกราคม 2024 ว่า ชาวยูเครนกว่า 14 ล้านคนต้องไร้ที่อยู่อาศัย แถมชาวยูเครนอีก 6.5 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยกระจัดกระจายไปทั่วโลก
ที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับยูเครนนับตั้งแต่ยูเครนสถาปนาตั้งตัวเป็นเอกเทศหลังจากสงครามเย็นเมื่อปีค.ศ. 1991
และขณะนี้สหรัฐอเมริกาให้ความช่วยเหลือทางด้านการทหารแก่ยูเครนไปแล้วเป็นยอดเงินกว่า 66.9 พันล้านดอลลาร์ ส่วนนาโตที่กอปรด้วย 32 ประเทศก็ให้ความช่วยเหลือไปแล้วกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ด้วยเช่นกัน
สงครามยูเครนได้สร้างความอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งฝ่ายรัสเซียและฝ่ายยูเครน และยังสร้างความวิตกกังวลจนกลายเป็นโซนอันตรายในการเผชิญหน้าระหว่างค่ายโลกตะวันตกที่เข้าไปให้การสนับสนุนยูเครน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจะต้องกลายเป็นศัตรูกับรัสเซียไปโดยปริยาย และเป็นที่ทราบกันดีอีกด้วยว่า รัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก!!!
ณ ขณะนี้ฝ่ายรัสเซียมีความพยายามต้องการที่จะชนะสงครามอย่างเบ็ดเสร็จ ถึงกับเตรียมความพร้อมด้านกองกำลังทหาร 50,000 คนร่วมกับทหารของเกาหลีเหนืออีก 10,000 คน (โดยเกาหลีเหนือดำริว่า จะส่งมาเพิ่มอีกห้าพันคนในเร็วๆนี้) เพื่อหวังเอาเป็นเครื่องต่อรอง หากมีการเจรจายุติสงคราม
ส่วนทางออกของฝ่ายยูเครนแน่นอนว่า ยูเครนหวังที่จะยุติสงคราม และต้องการที่จะมีหลักประกันว่า ประเทศของตนจะต้องเป็นเอกราช และต้องการที่จะมีหลักประกันว่า ต่อไปในอนาคตรัสเซียจะไม่บุกยูเครนอีก
อย่างไรก็ตามขณะนี้ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถจะบรรลุตามเป้าหมายที่ต้องการได้ ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายเปิดใจก็จำเป็นที่จะต้องพบกันครึ่งทาง
ภายหลังจากที่ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทะลาย แถมพรรครีพับลิกันยังสามารถคุมเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและในสภาผู้แทนฯ เป็นที่แน่ว่า ยูเครนอาจจะสูญเสียพันธมิตรที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือ สหรัฐอเมริกา
ที่ผ่านมาช่วงการหาเสียงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักจะเอ่ยปากกล่าวคำสัญญาซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า จะหาทางยุติสงครามยูเครนให้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ก็มิได้ให้รายละเอียดในเรื่องนี้แต่อย่างใด
และเมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2024 “ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี” ของยูเครนได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการพูดคุยสนทนาที่แสนยอดเยี่ยม
ส่วน “ประธานาธิบดีวลาดีมิร์ ปูติน” ของรัสเซีย ก็ได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดีทรัมป์ ในวันต่อมาด้วยเช่นกัน และเขาก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนกล้าหาญ ส่วนข้อเสนอของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ว่า จะสามารถยุติสงครามยูเครนได้ภายใน 24 ชั่วโมง ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ”
และเป็นที่คาดการณ์กันว่า เมื่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 เขาก็อาจจะกดดันให้ยูเครนยอมเสียสละดินแดนที่รัสเซียยึดครองอยู่มอบให้แก่รัสเซียไป และอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ก็อาจจะกดดันประธานาธิบดีปูตินในแง่ที่ว่า รัสเซียจะต้องให้หลักประกันว่าจะมอบเอกราชให้แก่ยูเครน
โดยมีข่าวกรองเปิดเผยออกมาครั้งล่าสุดระบุว่า ขณะนี้ทหารรัสเซียได้รับบาดเจ็บวันละหนึ่งพันสองร้อยกว่าคนเลยทีเดียว!!!
จริงอยู่นับตั้งแต่สงครามยูเครนเกิดขึ้น ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เคยให้การสนับสนุนยูเครน แต่จนถึงบัดนี้ ยูเครนกลับต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมหาศาล เนื่องมาจากความคิดเห็นของคนอเมริกันค่อยๆเปลี่ยนไป
จากการหยั่งเสียงของ “Economist/YouGov” ระหว่างวันที่ 17 สิงหาคมถึง 20 สิงหาคม 2024 เปิดเผยว่า ชาวอเมริกัน 22% คิดว่ายูเครนกำลังชนะสงคราม ส่วน 16% คิดว่ารัสเซียกำลังชนะสงคราม โดยอีก 28% ไม่รู้และไม่แน่ใจว่าฝ่ายไหนจะชนะ
ที่ผ่านมาเมื่อปี 2023 จากผลการหยั่งเสียงของสำนักโพลเดียวกันนี้มีว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่ายูเครนกำลังได้รับชัยชนะ
และแม้ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการที่จะยุติสงครามยูเครนให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ขนาดไหนก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าสมาชิกในค่ายพรรครีพับลิกันยังแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่ายฝ่าย
ดังจะเห็นได้จากแพ็กเกจการให้ความช่วยเหลือของสหรัฐฯด้านการทหารมูลค่า 61 พันล้านดอลลาร์ ที่พรรครีพับลิกันมีทั้งให้การสนับสนุนและมีทั้งออกมาต่อต้าน จนทำให้ร่างกฎหมายนี้ต้องติดอยู่ในสภาหลายเดือน จนทำให้ทหารยูเครนเกิดการขาดแคลนทั้งอาวุธสงครามและกระสุนในแนวหน้า โดยงบดังกล่าวเพิ่งจะผ่านเมื่อเดือนเมษายน
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นสงครามยูเครนจะสามารถยุติลงได้หรือไม่ ขณะนี้ความหวังก็คงจะขึ้นอยู่กับ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์" ที่เขาอาจจะกดดันทั้ง “ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน”และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี” ให้ยุติสงคราม โดยให้รัสเซียผนวกดินแดนของยูเครนที่รัสเซียทำการรบเข้ายึดครอบครองไปได้แล้ว 20% แต่ในทางกลับกันรัสเซียก็จะต้องให้หลักประกันในการให้ยูเครนรักษาเอกราชเอาไว้ และให้ยูเครนมีสิทธิ์เข้าเป็นสมาชิกนาโตภายหลัง และหากประธานาธิบดีทรัมป์สามารถทำได้เหมือนดั่งที่เคยลั่นวาจาเอาไว้ ซึ่งสิ่งตอบแทนที่เขาจะได้รับก็คือ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่งของสหรัฐ แถมด้วยรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ที่เขาสามารถสร้างผลงานชิ้นโบแดงได้ละครับ