วันที่ 14 พ.ย.ที่ บช.ปส. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.นิรันดร  เหลื่อมศรี, พล.ต.ท.สำราญ นวลมา และ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. บช.ปส. พล.ต.ต.สมบูรณ์  เทียนขาว รอง ผบช.ปส.รรท.ผบช.ปส. พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.ปส. ผบก.ปส.1 - 4, ผบก.สกส. และ ผบก.ขส. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ สืบสวนติดตามจับกุมและขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่และรายย่อย ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทย รวมทั้งการขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายที่ยังหลบหนีและยึดทรัพย์ผู้ที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือทุกราย

 

โดยบช.ปส. ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส., พล.ท.กัณห์ สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, พล.ต.ธีรนันท์  นันทขว้าง  ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร, ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. โดยจับกุม ดังนี้ กลุ่มที่ 1. กลุ่มปริมาณยาเสพติด ซึ่งเป็นการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้กระจายเข้ามาสู่พื้นที่ชั้นใน ซึ่งมีทั้งสิ้น 4 คดี ดังนี้คดีที่ 1  เมื่อวันที่ 25 ต.ค.67 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 นำกำลังเข้าสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดของเครือข่าย  ซึ่งมีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ กระทั่งเวลาประมาณ 20.20 น. ตำรวจพบความเคลื่อนไหวรถกระบะของกลุ่มเครือข่าย 2 คัน ในลักษณะขับนำและตามกันออกมา ทิ้งระยะห่างประมาณ 5 กม. ผ่านเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และพบว่าบริเวณท้ายกระบะมีสิ่งของบรรทุกอยู่เต็มคัน รถแบบผิดปกติ คลุมด้วยผ้าพลาสติกสีเขียว ตำรวจจึงนำรถยนต์ปิดกั้นเส้นทางบริเวณถนนหมายเลข 1178 หน้ากองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 335 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบริเวณริมถนนชนบท ชม.3024 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และบริเวณริมถนนหมายเลข 1249 ก่อนถึงจุดตรวจสามแยกดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถ เพื่อแสดงตัวขอตรวจค้น รถกระบะติดโครงเหล็กทั้ง 2 คัน พบคนขับ และผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3 คน ตรวจค้นพบยาบ้า 8,999,800 เม็ด และ ไอซ์ 17 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในท้ายกระบะรถยนต์ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วน คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พ.ย.67 ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ตำรวจ บก.ขส. และ เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนด้าน จว.หนองคาย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน เวลาประมาณ 00.40 น. พบความเคลื่อนไหวของรถในเครือข่ายซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลัง ขับขี่อยู่บนถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าพื้นที่ตอนใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตาม เพื่อสกัดกั้นรถคันดังกล่าว เมื่อรถขับไปถึงบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์สาม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นทางโค้งประกอบกับไม่มีไฟทาง ทำให้รถยนต์คันกล่าวเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปบริเวณไหล่ทางก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน จากการตรวจค้นรถพบยาบ้า 5,034,000เม็ดบรรจุในกระเป๋าซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ด้วยการทำทีว่าเป็นรถส่งน้ำแข็ง เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 สืบเนื่องจากตำรวจ กก.2 บก.สกส. เฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ นายชัดเจน กับพวกพบว่า มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย นำมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑล กระทั่งวันที่ 10 พ.ย.67 เวลาประมาณ 22.50 น. พบเคลื่อนไหวของเครือข่าย ใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน ผน 50xx เชียงราย, ยค 96xx เชียงใหม่ และ 1ฒฉ 5xx กรุงเทพมหานคร ขับขี่ในลักษณะคาราวาน และใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ ผ่าน จว.เชียงราย,พะเยา,ลำปาง,แพร่,สุโขทัย,พิจิตร มุ่งหน้าพื้นที่ จว.นครสวรรค์ จนเมื่อใกล้ถึงด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ รถหมายเลขทะเบียน 1ฒฉ 5xx กรุงเทพมหานคร ได้เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ปตท. เขาเขียว ถ.พหลโยธิน ต.นครสวรรค์ออก อ.เมืองนครสวรรค์ จว.นครสวรรค์ กำลังตำรวจจึงเข้าตรวจสอบทันที พบนายสุพจน์ เป็นคนขับรถ ตรวจสอบภายในรถพบกระสอบต้องสงสัย 32 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนภายในท้ายกระบะแครี่บอย และภายในห้องโดยสารด้านหน้าของรถ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 ชุด สามารถจับกุม นายบำรุงศักดิ์ ได้ภายในปั้ม ปตท.เขาทอง ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถนำทางและคุ้มกันรถลำเลียงยาเสพติด และ นายชัดเจน จับกุมได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะคีรี หลังขับรถหมายเลขทะเบียน ผน 50xx เชียงราย ทำหน้าที่สำรวจเส้นทาง ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

 

ขณะที่ คดีที่ 4 จากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ กก.3 บก.สกส. พบว่ามีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน อ.เชียงแสน เพื่อส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล จำนวนมาก โดยจะใช้รถยนต์ 2 คัน ในการลำเลียง ใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย - จ.พะเยา - จ.แพร่ - จ.สุโขทัย และวันที่ 8 พ.ย.67 พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มรถยนต์ดังกล่าว ขับเข้าไปจอดภายในหนองบัวรีสอร์ท ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นรถยนต์ทั้งสองคัน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน ทำหน้าที่ขับรถนำทาง ส่วนอีก 2 คนที่ขับรถยนต์ซุกซ่อนยาเสพติด อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ ผลการตรวจค้นรถพบยาบ้า 1,299 มัด รวมประมาณ 2,598,000 เม็ด วางอยู่ภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับ และที่เก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ และอยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ต่อไป

สำหรับ กลุ่มที่ 2 เป็นการขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ลักลอบส่งยาเสพติดโดยบรรจุในกล่องกระดาษส่งทางพัสดุภัณฑ์ผ่านระบบ Logistics เพื่อส่งต่อลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์  ทุกมิติ พร้อมขยายผลหาเครือข่ายที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่องกระทั่งสามารถจับกุมเครือข่ายได้เพิ่มเติม ดังนี้ คดีที่ 5 เมื่อวันที่ 15 ก.ย.67 ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางไอซ์ 2 กก. ก่อนจะขยายผลจับกุมบุคคลในเครือข่ายเพิ่ม 3 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 191 กก. ในพื้นที่ บก.น.9 จากนั้น ตำรวจ บก.ขส.และ กก.4 บก.สกส.ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนทราบว่ายังมีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายนี้ พยายามลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่กรุงเทพฯ ลงไปส่งในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช อีกโดยใช้บริษัทขนส่งเอกชน ในพื้นที่แสมดำ เขตบางขุนเทียน ในการลำเลียง ตำรวจจึงจัดชุดเฝ้าติดตามจนสามารถตรวจยึดยาบ้า 1,200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ก่อนจะสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่รับยาเสพติดของกลาง ในพื้นที่ อ.ทุ่งสงจว.นครศรีธรรมราช และควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านเช่า พบยาบ้าอีก 900,000 เม็ด ในพื้นที่ อ.พรหมคีรี จว.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหนึ่งในบ้านเช่าของผู้ต้องหา ก่อนจะนำตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ตามกฎหมายเพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

 


     
ด้าน พล.ต.ต.สมบูรณ์   กล่าวว่าสืบเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 ถึงปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งโดยเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดครบวงจรตัดต้นตอการผลิตและจำหน่ายด้วยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน  ในการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติด ปราบปราม และยึดทรัพย์ผู้ค้ารายสำคัญ ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาการขับเคลื่อนงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  

ส่วน การปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 13 พ.ย.67 สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 125 คดี ผู้ต้องหา 141 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 41,612,422 เม็ด, ไอซ์ 1,704 กก., เฮโรอีน 28 กก., คีตามีน 190 กก. และ ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 264,096,353 ล้านบาท