ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่เส้นทางจากบ้านพักในพื้นที่จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ตายทั้งสองเดินทางออกมาพร้อมกับเพื่อนชาวเมียนมาอีก 4 คน รวม 6 คน รถ 2 คัน ก่อนจะมาถูกยิงเสียชีวิตและทิ้งศพไว้ข้างถนนลูกรังทางเข้าหมู่บ้านโป่งสองเกาะ ม.7 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และมีผู้มาพบศพเมื่อช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ของวันนี้(14 พ.ย. 67)
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่ารถทั้งสองคันแล้วพบว่ามุ่งหน้าไปจ.ตาก จึงได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจ.ตากได้ทำการสกัด ซึ่งสามารถจับกุมรถทั้งสองคัน รวมทั้งผู้ที่โดยสารไปกับรถทั้งสองคันไว้ได้แล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของสภ.สวนผึ้ง กำลังเดินทางไปรับตัวกลับมาดำเนินคดีที่สภ.สวนผึ้ง
ด้านนายออง ซาน เมน อายุ 40 ปี น้องชายของนาย ออง ซาน วิน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ตายทั้งสองคน ก็เดินทางมาดูศพของพี่ชายที่สภ.สวนผึ้ง ก่อนจะบอกว่า ได้รับแจ้งจากพี่สะใภ้ว่า พี่ชายนั้นออกจากบ้านมาพร้อมกับเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ยังติดต่อไม่ได้เลย และตรวจสอบพิกัดจากโทรศัพท์ก็พบว่ามาอยู่ที่อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จึงได้เดินทางมาประกอบกับช่วงที่โทรศัพท์หาผู้ตายนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรับสายจึงทำให้ทราบว่าเกิดเรื่องกับพี่ชาย แต่มีคนที่รอดชีวิตมาได้ ซึ่งตนกับครอบครัวก็รู้สึกสงสัยว่าทำไม ถึงรอดมาได้แต่พี่ชายกับเพื่อนนั้นถูกยิงตาย ส่วนสาเหตุนั้นไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เพราะพี่ชายไม่เคยเล่าให้ฟังและภรรยาของผู้ตายก็ไม่ได้รู้อะไรเลย
ส่วนนายวิน ชาวเมียนมาร์ ซึ่งเป็นน้องชายของนาย ออง ซาน วิน ผู้เสียชีวิต มาเป็นล่ามแปลภาษาให้กับนายอาการ ชาวเมียนมาร์ ซึ่งเป็นผู้รอดชีวิตคนเดียวจากเหตุการณ์นี้ ก็บอกว่า ได้รับการติดต่อจากเพื่อนชาวเมียนมาร์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ว่าจ้างให้ไปส่งที่จ.ราชบุรี โดยว่าจ้างรถ 2 คัน เนื่องจากอ้างว่ามีสิ่งของที่ต้องบรรทุกไปด้วย ทำให้ผู้ตายกับนายอาการ นำรถปิกอัพออกมาคนละคัน ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น.ของวันที่ 13 พ.ย.67 และไปแวะรับเพื่อนของผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่บริเวณตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งในช่วงนั้นก็ไม่ได้มีสิ่งของที่ต้องบรรทุกไป แต่เมื่อออกมาแล้วจึงได้ยอมขับรถมาส่งที่จ.ราชบุรี เพราะผู้ต้องหาโอนเงินมัดจำมาให้แล้วจำนวน 1000 บาท และเมื่อมาถึงจุดหมายจะให้อีก 4,000 บาท โดยรถของนายออง ซาน วิน (ผู้เสียชีวิต)นั้นนั่งมาทั้งหมด 3 คน มีนายออง ซาน วิน เป็นคนขับ นายซอ ซอ ผู้ตายอีกคนนั่งซ้าย
ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นคนว่าจ้างนั่งในแคป ส่วนรถของนายอาการ มีนายอาการเป็นคนขับและมีผู้ต้องหาอีก 2 คน นั่งหน้าและในแคป ซึ่งรถของนายออง ซาน วิน นำหน้าทิ้งห่างรถของนายอาการประมาณ 150 เมตร ซึ่งเมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นช่วงทางโค้ง ผู้ต้องหา 2 คน ที่นั่งมาในรถและบอกให้จอดรถ ซึ่งช่วงนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ซึ่งผู้ต้องหาที่นั่งมาด้วยบอกว่าน่าจะเป็นการยิงสัตว์ จากนั้นได้ใช้มีดจี้ที่คอพร้อมกับบอกให้ถอดทรัพย์สินมีสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท โทรศัพท์มือถือ พร้อมกับบังคับให้บอกรหัสถอนเงินในแอปธนาคารซึ่งมีอยู่ประมาณหนึ่งแสนบาท จากนั้นบังคับให้ถอดเสื้อ ก่อนจะให้ลงจากรถและถีบตนเองตกลงไปในเหว ซึ่งมีน้ำเล็กน้อยด้วยความตกใจกลัว จึงรีบวิ่งฝ่าความมืดไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน แต่ไม่มีใครช่วยเนื่องจากนายอาการนั้นพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงหนีไปจนถึงวัดซึ่งอยู่ใกล้ๆและไปแอบอยู่ก่อนจะไปเจอเพื่อนชาวเมียนมาด้วยกันในช่วงเช้า พร้อมกับขอความช่วยเหลือขอโทรศัพท์โทรหาภรรยาให้มาช่วยเหลือ
โดยในช่วงที่เกิดเหตุนั้นไม่ทราบว่าเพื่อนอีก 2 คนที่อยู่ในรถคันหน้านั้นถูกยิงตายและไม่เห็นเหตุการณ์ด้วย แต่ตอนนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดตามจับกุมตัวได้แล้วที่แม่สอด จ.ตาก ตนก็อยากจะถามว่าแค่ต้องการรถต้องฆ่ากันด้วยหรือ