สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยส่งคืนโบราณวัตถุจำนวน 4 ชิ้นจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียงและแหล่งอื่นๆ ทางภาคกลางของไทย ประกอบด้วยภาชนะดินเผา กำไลข้อมือ และลูกกลิ้งทรงกระบอก 2 ชิ้นที่ยังไม่ทราบการใช้งานที่แน่ชัด

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 67 ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ และกรมศิลปากร จัดพิธีส่งมอบโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง และเปิดเสวนาเนื่องในโอกาสวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม 14 พฤศจิกายน 2567 โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานพิธีรับมอบโบราณวัตถุบ้านเชียงจากสหรัฐอเมริกา จำนวน 4 รายการ ประกอบด้วย ภาชนะดินเผา กำไลข้อมูล และลูกกลิ้งทรงกระบอก 2 ชิ้น โดยนายราฟีค แมนซัวร์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา นายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนส่งมอบ นางซูฮย็อน คิม ผอ.ส่วนภูมิภาค สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ เป็นสักขีพยาน

นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กล่าวว่า ในนามของสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มีความยินดีที่จะประกาศการส่งคืนโบราณวัตถุจำนวน 4 ชิ้นจากแหล่งบ้านเชียงและแหล่งอื่นๆ ทางภาคกลางของไทย ซึ่งประกอบด้วยภาชนะดินเผา กำไลข้อมือ และลูกกลิ้งทรงกระบอก 2 ชิ้นที่ยังไม่ทราบการใช้งานที่แน่ชัด ที่มาของโบราณวัตถุเหล่านี้มีประวัติย้อนหลังถึงช่วงปลายทศวรรษ 1960 เมื่อทหารอเมริกันได้รับโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นของขวัญจากรัฐบาลไทย ซึ่งนำมาเก็บรักษาไว้ที่สถานทูตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โบราณวัตถุดังกล่าวได้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามขณะนี้ถึงเวลาที่จะส่งคืนสิ่งของล้ำค่านี้กลับสู่บ้านเกิดที่แท้จริง โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่สำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในการส่งคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมจากทั่วโลกกลับไปยังเจ้าของที่แท้จริง โดยได้ร่วมมือกับสำนักงานยูเนสโกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงเทพฯ เพื่อติดต่อกับกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อส่งคืนโบราณวัตถุดังกล่าวจากแหล่งบ้านเชียง หวังว่าสิ่งของเหล่านี้จะมีส่วนช่วยการศึกษาวิจัยและทำให้เกิดความเข้าใจเกี่ยวกับหนึ่งในสังคมยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า ยังได้จัดสัมมนาในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นการรำลึกถึงครบรอบ 54 ปีของอนุสัญญายูเนสโกว่าด้วยวิธีการในการห้ามและป้องกันการนำเข้า การส่งออก และการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทางวัฒนธรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ค.ศ. 1970 ซึ่งหวังว่าจะช่วยเพิ่มความตระหนักรู้ของประชาชนว่าการโจรกรรม การลักขโมย และการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอันมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นในทุกประเทศนั้น ทำให้เกิดความเสียหายแก่วัฒนธรรม เอกลักษณ์ และประวัติศาสตร์ของผู้คนได้อย่างไร ทั้งนี้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จะยังคงสนับสนุนการส่งคืนโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่สำคัญซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมรดกของไทย โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เราได้ส่งคืนประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The Standing Shiva) หรือ โกลเด้นบอย และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ (The Kneeling Female) จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันในนิวยอร์กคืนสู่ประเทศไทย

ด้าน นางสาวซูฮย็อน คิม ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ในนามของยูเนสโก วันนี้เราได้เป็นประจักษ์พยานการกลับมาของโบราณวัตถุที่เป็นมรดกของอารยธรรมโบราณแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของโบราณวัตถุเหล่านี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2535 สิ่งที่ทำให้บ้านเชียงมีความพิเศษก็คือบ้านเชียงช่วยทำให้เราเข้าใจในความเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม สังคม และเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์แปรเปลี่ยนจากกลุ่มคนเร่ร่อนย้ายถิ่นมาเป็นอารยธรรมตั้งรกรากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ได้ เรื่องราวของบ้านเชียงได้รับการบอกเล่าผ่านห้วงนาทีสำคัญในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสำริดในช่วงแรกๆ กำเนิดของการเกษตรทำนาทดน้ำและการเลี้ยงปศุสัตว์ ตลอดจนการพัฒนาวิธีการฝังศพที่ซับซ้อนมากขึ้น โบราณวัตถุทุกชิ้น ไม่ว่าเล็กแค่ไหน ก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้ ด้วยเหตุนี้ การคืนโบราณวัตถุในวันนี้จึงสำคัญยิ่ง ด้วยเป็นการเน้นย้ำถึงคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ขอชื่นชมความร่วมมือระหว่างสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐและกรมศิลปากรของไทยที่ร่วมกันพิสูจน์ว่าโบราณวัตถุเหล่านี้เป็นของแท้ นับว่าหาได้ยากยิ่งที่ได้เห็นเครื่องดินเผาแสนเปราะบางที่มีอายุเก่าแก่เช่นนี้ยังคงสภาพสมบูรณ์

ด้าน น.ส.สุดาวรรณ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า การส่งคืนโบราณวัตถุในครั้งนี้ นับเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ทั้งยังเป็นการเน้นย้ำในการรักษามรดกทางวัฒนธรรมของมวลมนุษยชาติด้วย เพราะการส่งมอบคืนครั้งนี้ตรงกับวันที่ 14 พ.ย. เนื่องในวันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ทั้งนี้โบราณวัตถุทั้ง 4 รายการ จะมีการจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จากนั้นจะมีการนำกลับไปยังแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงต่อไป

ด้าน นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า โบราณวัตถุต่างๆ นั้น เป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แต่จะดีที่สุดที่โบราณวัตถุนั้นได้กลับคืนแผ่นดินแม่ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาสหรัฐฯช่วยทำให้เป็นจริง มีการส่งคืนโบราณวัตถุชิ้นสำคัญมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Golden Boy ที่ปัจจุบันจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ล่าสุดมีผู้เข้าชมกว่า 1 แสนคน นอกจากนี้กรมศิลปากรยังได้รับการประสานจากสหรัฐฯเตรียมส่งคืนโบราณวัตถุอีก 2 รายการ ซึ่งเป็นประติมากรรมรูปเคารพในศาสนาฮินดู โดยขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการพิสูจน์และนำเข้าสู่คณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทยต่อไป