ดนตรี / ทิวา สาระจูฑะ
คงจะเป็นเรื่องผิดพลาดถ้าไม่ได้เขียนถึง ควินซี โจนส์ ผู้จากไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2024
นอกจาก จอร์จ มาร์ติน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เดอะ บีเทิลส์ ก็ไม่มีโปรดิวเซอร์คนใดโด่งดังไปกว่า ควินซี โจนส์ อีกแล้ว แต่ถ้าเทียบจำนวนผลงาน โจนส์ มีมากกว่า มาร์ติน หลายเท่าตัว
โจนส์ เกิดทางตอนใต้ของชิคาโก สืบสายไปถึงย่าทวดก็เคยเป็นอดีตทาส แต่ทางปู่ทวดมีเชื้อสายเวลส์ ตอนอายุห้าหกขวบเขาเริ่มหลงรักดนตรีเมื่อได้ยินเสียงเปียโนจากเพื่อนบ้านข้างห้อง หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ครอบครัวย้ายไปอยู่ที่ซีแอตเทิล ระหว่างเรียนมัธยม โจนส์ เริ่มพัฒนาการเล่นทรัมเป็ทและการเรียบเรียงดนตรี และร่วมเล่นดนตรีร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นชื่อ ชาร์ลส์ เทย์เลอร์ ผู้มีแม่เป็นหัวหน้าวงแจ็ซซ์ที่นั่น ในวัยเพียง 14 ปี
จากนั้น โจนส์ ได้ทุนเรียนดนตรีจากมหาวิทยาลัยซีแอตเทิลในปี 1951 แต่เรียนได้เพียงเทอมเดียวก็ได้ทุนโยกย้ายไปเรียนที่วิทยาลัยดนตรีเบิร์คลีในบอสตัน และเริ่มเล่นดนตรีอาชีพในบาร์แจ็ซซ์
ปี 1953 ในวัย 20 เขาได้ร่วมวงของนายวงผู้ยิ่งใหญ่ ไลโอเนล แฮมป์ตัน ทัวร์ยุโรปราว 1 ปี ก่อนจะกลับมาที่นิวยอร์ก รับจ้างเล่นดนตรีในวงประจำของรายการโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อปี 1956 ซึ่งเคยเล่นสนับสนุนให้ เอลวิส เพรสลีย์ ในการแสดงทางโทรทัศน์ 6 ครั้งแรกของฝ่ายหลัง
ช่วงปลายทศวรรษ 1950 นอกจากประพันธ์ดนตรีและเล่นดนตรีทัวร์ไปทั่วอเมริกาและยุโรป โจนส์ ขยับขึ้นชั้นเป็นผู้กำกับดนตรีและอำนวยเพลง จนกระทั่งได้ทำงานกับ แฟรงค์ สิเนตรา ในปี 1958 ในฐานะผู้เรียบเรียงเสียงประสานและอำนวยเพลง ตั้งแต่นั้น โจนส์ ก็ทำงานให้ สิเนตรา ตลอดมาจนถึงวาระสุดท้ายของนักร้องผู้ยิ่งใหญ่ ในปี 1998
ทำงานให้ สิเนตรา ทำให้ โจนส์ ได้การยอมรับมากขึ้นในธุรกิจดนตรี ไม่เพียงเรียบเรียงและคุมวงเล่นสนับสนุนศิลปินต่างๆ เขากลายเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่มีคนต้องการตัวมากที่สุด
ในปี 1961 ได้ขึ้นเป็นรองประธานบริษัทแผ่นสียง เมอร์คิวรี เป็นคนผิวดำคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และปีเดียวกันนี้ โจนส์ แต่งดนตรีประกอบหนังให้ผู้กำกับ ซิดนี่ย์ ลูเม็ท ในหนัง The Pawnbroker (1964) นั่นเป็นการทำดนตรีประกอบหนังเรื่องแรกในจำนวนเกือบ 40 เรื่องที่ตามมาหลังจากนั้น เช่น Walk, Don't Run, The Deadly Affair, In Cold Blood, In the Heat of the Night, The Italian Job, Cactus Flower, The Anderson Tapes, The Getaway รวมถึง Mackenna's Gold ที่คนไม่น้อยบอกว่าดนตรีดีกว่าหนัง
นอกจากนั้นยังแต่งเพลงธีมให้หนังและซีรี่ส์ทางโทรทัศน์อีกมากมาย อย่าง Ironside, Rebop, Banacek, The Bill Cosby Show, Roots, Mad TV, Now You See It ฯลฯ ขณะเดียวกัน โจนส์ ก็ทำงานอยู่เบื้องหลังผลงานดังๆของศิลปินหลายคน เช่น บิลล์ เอ็คสไตน์, เอลลา ฟิทซเจอรัลด์, เลสลี กอร์, เชอร์ลีย์ ฮอร์น, เพ็กกี ลี, นานา มูสคูรี, ซาราห์ วอห์น, ไดนาห์ วอชิงตัน ฯลฯ และมีอัลบั้มเดี่ยวของตัวเขาเองด้วย เช่น Walking in Space, Gula Matari, Smackwater Jack, You've Got It Bad Girl, Body Heat, Mellow Madness และ I Heard That!! เป็นต้น
ในปี 1975 โจนส์ ก่อตั้งบริษัท เควสต์ โปรดั๊คชัน รับผลิตงานและทำงานเบื้องหลังให้ศิลปินมากมาย เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในฐานะโปรดิวเซอร์เมื่อทำงานกับ ไมเคิล แจ็คสัน ในอัลบั้ม Off the Wall (1979), Thriller (1982) และ Bad (1987) ทั้งสามอัลบั้มติดอยู่ในรายชื่อของอัลบั้มขายดีที่สุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ดนตรี
นอกจากนั้นยังคงทำงานให้ศิลปินชั้นนำ อย่าง โกรเวอร์ วอชิงตัน จูเนียร์, เจมส์ อินแกรม ฯลฯ คว้ารางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบหนังยอดเยี่ยมจาก The Color Purple ซึ่งกำกับโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก ในปี 1985 และปีเดียวกันนี้ โจนส์ โปรดิวซ์และอำนวยเพลงยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือ "We Are the World" เขาต้องคอยจัดการกับอัตตาของศิลปินชั้นนำที่มาร่วมร้องกว่า 50 คน
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่งานทั้งหมดของ โจนส์ ที่ทำทิ้งไว้ในวงการดนตรี อันที่จริง ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แม้ร่างกายจะไม่เหมือนเดิมในวัยที่เพิ่มขึ้น เขายังพยายามทำงานมาจนถึงต้นทศวรรษ 2020 และในที่สุดก็อำลาโลกไปในวัย 91 ปี
มีคนมากมายทำงานทั้งชีวิต แต่มีไม่กี่คนที่สร้างงานชิ้นประวัติศาสตร์ไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่าง ควินซี โจนส์