สามัคคี คือ พลัง ขจัดภัยพาล “สามผู้กำกับ”สอดส่องสังคมส่องกล้องคนในเครื่องแบบ..OO..ใกล้..ไทม์ไลน์.. “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”..ยุค..พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ คุมบันเหียน “เจ้าสำนักปทุมวัน”จัดทัพ “นายพลสีกากี” ..ระดับ “รอง ผบ.ตร.” ยัน ผบช.” รอสัญญาน “นายหญิง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ “ประธาน ก.ตร.”เคาะ “วัน-เวลา”เรียกประชุมพิจารณาจัดทัพ ขยักแรก..หากไม่มีรายการพลิกผัน สัปดาห์น้า ได้ยลโฉม ทัพใหม่ “นายพลสีกากี”
..OO..กฎเหล็ก.. เก้าอี้ “รอง ผบ.ตร.” 4 ตำแหน่ง“พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ”ยึดหลักเกณฑ์ เลื่อน“ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นดำรงตำแหน่ง เรียงตามอาวุโสร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีแซงคิวปาดหน้า ไล่ตั้งแต่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข -พล.ต.ท.นิรันดร เหลี่ยมศรี- พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง- พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร
..OO..ไม่ผิดแผกแตกต่าง..เก้าอี้ “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” 7 ตำแหน่ง ยึดกฎเหล็กบรรทัดฐานเดียวกันเลื่อน ขึ้นตำแหน่งร้อยเปอร์เซ็นต์..ไล่เรียงตามอาวุโส พล.ต.ท.ธนพล ศิริโสภา หัวหน้าจเรตำรวจ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐ์พงษ์ ผบช.สกบ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ. 2 พล.ต.ท.สราวุธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 หมดสิทธิ์ต่อรอง แม้บางคนพยายาม..ชักแม่น้ำทั้งห้า“ขออยู่ต่อ”..OO..แบ่งสรร-ปันส่วน ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการ”ว่าง 14 เก้าอี้ กฎเหล็กคนละครึ่ง “อาวุโส 50 ผลงาน-ความรู้-ความสามารถ 50” ได้สิทธิ์ขยับขึ้นติดยศ พล.ต.ท. “7 รองผู้บัญชาการ”อาวุโส พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม.
..OO..ตามด้วย พล.ต.ต.วราวุธ สกลธนารักษ์ รอง ผบช.สตส.พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.สุรจิต ชินวรรณ์ รอง ผบช.ภ.2 แต่ไม่สิทธิ์เลือก “ตำแหน่ง-เก้าอี้” ขึ้นอยู่กับ “ผู้มีอำนาจ”หมายมั่นปั้นมือจัดสรรเก้าอี้..
OO..วิ่งสู้ฟัด..ตำแหน่ง“แม่ทัพทำเลทอง”บรรดา “นายพลสีกากี”ต่างขั้วต่างค่ายต่างมุ่งหน้าเข้าหาขั้วอำนาจ ทั้ง.. “หลังบ้าน-หน้าบ้าน-วงศาคณาญาติ” หมายช่วงชิงเก้าอี้โปรดปราน ยิ่งเก้าอี้ว่าง “นครบาล-ภูธรภาค 1-2-3-4-สตม.-ไซเบอร์” ไม่ต้องพูดถึง นี่..ยังไม่นับรวมเก้าอี้เบอร์ 1 “บช.ปส.-ตชด.-สกบ.-สันติบาล”ช่วงชิงตำแหน่งกันน่าดูชม กลิ้งเป็นลูกขนุน..ชนิดใครดีใครได้ ไม่ผิดแผกยุคก่อน เอวัง..ด้วยประการละฉะนี้..
OO..เดินเครื่อง.. “บริหารจัดการองค์กร “เจ้าสำนักปทุมวัน”วางกรอบนโยบาย 15 ข้อ หัวใจหลัก..ปรับมายด์เซ็ต “ทัศนคติ- ค่านิยม-ความคิด”ด้วยประสบการณ์มองเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ..
OO..นั่นคือ..“ตำรวจต้องปรับความคิดตัวเอง เรามีหน้าที่การงานที่ควรทำ เรามีธรรมะที่ควรจะนำมาไว้เป็นแนวทางปฏิบัติ เราเป็นตำรวจที่สวมใส่เครื่องแบบอันมีเกียรติ หน้าที่ของเราคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ต้องดูแลพี่น้องประชาชน อะไรที่เป็นทุกข์ของพี่น้องประชาชน ตำรวจควรจะรีบเข้าไปแก้ไขทันที ช่วยเหลือทันที ให้เขารู้สึกอุ่นใจ และเขาก็จะรักและเชื่อมั่น”..
OO..นี่..คือ..ความในใจ “เจ้าสำนักปทุมวัน” มั่นใจหากปรับมายด์เซ็ตตัวเองได้ เชื่อว่านโยบาย 14 ข้อที่เหลือจะสำเร็จ ผลที่ตามมาก็คือความไว้วางใจจากประชาชน ขอให้ตำรวจทุกนายมาร่วมมือกันนำความเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดึงคำว่าสิ้นหวังของประชาชนให้ละลายหายไป แล้วทำให้ประชาชนอ้าแขนและโอบกอดเราด้วยความรัก ความเชื่อใจ ความมั่นใจ ในการที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชน..OO..สวัสดี..