คปท.' บุก”ปปช.”ทวงถามความคืบหน้าสอบช่วย”ทักษิณ”นอนชั้น14 ยกนิ้วสรุปสำนวนเสร็จก่อนเสนอ”ปปช.”ชุดใหญ่เดือนพ.ย. ชี้มูลความผิด ด้าน"ดนุพร"ชี้สนามเลือก"นายกอบจ.อุดรฯ"สูสี หลัง“ปชน.”ส่งระดับแกนนำช่วยหาเสียง เชื่อ"ทักษิณ"หาเสียงช่วยเรียกคะแนนนิยมคืน ส่วน"นายกฯอิ๊งค์"เตรียมเคลียร์คิวลงพื้นที่ช่วยอีกแรง 

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.67 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) พร้อมด้วยตัวแทน เดินทางยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าการยื่นคำร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบไต่สวนบุคคลที่เกี่ยวข้องในการเอื้อให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในช่วงระหว่างการรับโทษจำคุก 1 ปี ว่ามีการเจ็บป่วยวิกฤตจนถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวนอกโรงพยาบาลราชทัณฑ์จริงหรือไม่ ซึ่งผู้ถูกร้องประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลกรมราชทัณฑ์, อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ,อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์, รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, ปลัดกระทรวงยุติธรรม ,ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ และแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นข้อหาเกี่ยวกับการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ทำให้เกิดกระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

นายพิชิต กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง คปท.มีการยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบตั้งแต่เดือนมิ.ย.66 และที่ผ่านมาก็มีการทวงถามหลายรอบแต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป วันนี้จึงเป็นการมาทวงถามเป็นครั้งที่ 4 และเป็นการทวงถามครั้งสุดท้าย และเป็นครั้งแรกที่ได้เข้าหารือกับผู้ช่วยซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนโดยตรงหลังจากที่ผ่านมาได้พบเพียงเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ทั้งนี้ หลังจากยื่นหนังสือแล้วนายพิชิตพร้อมด้วยตัวแทนได้เข้าหารือกับ นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในคดีนี้ ซึ่งมารับหนังสือทวงความคืบหน้าด้วยตัวเอง โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 15 นาที ก่อนที่ นายพิชิต จะให้สัมภาษณ์ถึงการหารือว่า หลังหารือกับผู้ช่วยเลขาป.ป.ช. ทราบว่าคณะกรรมการสืบสวนคดีได้สรุปสำนวนเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รับเอกสารเวชระเบียนที่ขอจากโรงพยาบาลตำรวจ ได้เพียงค่ารักษาพยาบาล ขั้นตอนจากนี้ทางอนุกรรมการจะมีการสรุปสำนวนเสนอต่อต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อให้เกิดสภาพบังคับภายในเดือน พ.ย.67 ส่วนจะมีมติตั้งกรรมการไต่สวนจนไปสู่การชี้มูลกับใครบ้างหรือจะตีตกสำนวนไปนั้น ผู้ช่วยเลขาป.ป.ช.ระบุว่าจะสรุปภายในเดือนก.พ.68 ซึ่ง ทาง คปท.จะมาติดตามอีกครั้ง

นายพิชิต กล่าวต่อว่า จากการเข้าหารือกัน เบื้องต้นถือว่าพอใจหลังจากการเดินทางมาติดตามหลายครั้ง เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการชุดสืบสวนข้อเท็จจริง ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และมีการส่งคำนวณ ภายใน 3 เดือน ทั้งนี้ในปีหน้าจะมาติดตามอีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม ป.ป.ช.ต้องมีคำอธิบายที่ชัดเจนเพื่อชี้แจงต่อสังคม เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่คปท.เท่านั้นที่ร้องเรียนเข้ามา แต่สังคม ประชาชนทั่วไป ได้มีการติดตามเรื่องนี้ เพราะกรณีที่นายทักษิณเข้ารับการรักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเกิดคำถามเกิดขึ้นมากมาย ป.ป.ช.ก็เหมือนพนักงานสอบสวนที่ต้องชี้แจง หากมีการชี้มูลออกมาสังคมก็คงไม่มีการตั้งคำถามอีกเพราะขั้นตอนต่อไปจะมีการสืบข้อเท็จจริง ต่อไปแต่หากไม่ชี้มูลใครเลย ป.ป.ช.ก็จะต้องให้คำตอบกับสังคมไม่เช่นนั้น ป.ป.ช.จะเป็นจำเลยของสังคมเสียเอง

ด้าน นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจของ จ.อุดรธานี ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ขณะนี้คะแนนผู้สมัครพรรคเพื่อไทยยังตามหลังผู้สมัครของพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า ตนมองว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.เหมือนการเลือกตั้งทั้งจังหวัด แน่นอนว่าเรามีทั้งพื้นที่ที่เราแข็งแรงและยังไม่แข็งแรง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้ง ส.ส.อุดรธานี มีทั้งหมด 10 คน พรรคเพื่อไทยมี 7 คน เรายังมีพื้นที่ที่ยังอ่อนอยู่ 3 เขต สิ่งที่เราต้องทำในระยะเวลาที่เหลืออยู่ 1 สัปดาห์กว่า คือการลงพื้นที่และนำนโยบายของผู้สมัครไปถึงประชาชนให้มากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงมาช่วยหาเสียงในครั้งนี้ ประเมินแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นเพราะคะแนนที่ยังตามหลังอยู่ นายดนุพร กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็นนั้น แต่การที่นายทักษิณมาลงพื้นที่เป็นเพราะอยากช่วย แน่นอนว่าจ.อุดรธานีเมื่อก่อนเคยเป็นของพรรคเพื่อไทยทั้งจังหวัด แต่ตอนนี้เราเสียพื้นที่ไป 3 พื้นที่ ฉะนั้นคิดว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.ในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่จะวัดฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยใหม่ วันนี้คนในพรรคก็ระดมสรรพกำลังมาช่วยใน จ.อุดรธานี เพื่อที่หากชนะก็อยากให้ชนะขาด จะได้ไม่มีข้อครหา และเชื่อว่าการที่นายทักษิณมาจะเป็นกำลังใจให้คนทำงาน รวมถึงพี่น้องชาวอุดรธานี ก็ไม่ได้ฟังนายทักษิณปราศรัยมาเกือบ 20 ปี เชื่อว่าวันนี้เป็นวันดีๆ อีก 1 วัน พี่น้องชาวอุดรธานีจะได้ฟังนายทักษิณปราศรัย

เมื่อถามว่า พรรคประชาชนได้เตรียมระดับแกนนำมาปราศรัย ทำให้การแข่งขันดูเหมือนจะดุเดือด นายดนุพร กล่าวว่า เป็นการเลือกตั้งที่สูสี หากเรานำตัวใหญ่ลงมาแต่พรรคเขาไม่ได้นำคนระดับหัวหน้าพรรคลงมา ก็ดูเหมือนจะเป็นการแข่งขันที่ไม่สมน้ำสมเนื้อเท่าไหร่ และตอนนี้เขาก็ระดมสรรพกำลัง ตั้งแต่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าพรรคประชาชน มีระดับหัวหน้าพรรคมาถึง 3 คน ตนมองว่าการแข่งขันครั้งนี้หากใครชนะ ก็สะท้อนได้ว่าวันนี้เราทำงานเต็มที่ และคิดว่าทุกคนจะยอมรับผลการเลือกตั้ง

เมื่อถามอีกว่า จะถือว่าเป็นสนามที่วัดคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกสนามไม่ว่าจะเป็นการเลือกนายก อบจ.  การเลือกตั้งซ่อมจ.พิษณุโลก ก็เป็นการวัดกระแสความนิยม ซึ่งไม่ใช่แค่ของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นความนิยมของรัฐบาลด้วยซ้ำ การเลือกตั้งทุกที่มีความสำคัญ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญในการลงพื้นที่

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยคาดหวังว่าการที่นายทักษิณมาลงพื้นที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ใช่หรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า ตนเชื่อว่าได้เป็นบวกมากกว่าเป็นลบ ทั้งนี้แม้คนที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีจะไม่เยอะ แต่ประชาชนกับตื่นตัวที่จะมาร่วมฟังปราศรัยเหมือนการเลือกตั้งใหญ่ รวมถึงการที่นายทักษิณมาลงพื้นที่ครั้งนี้ ทำให้การเลือกตั้งนายก อบจ.ในครั้งนี้ค่อนข้างที่จะคึกคัก เหมือนเป็นการเชิญชวนให้ทุกคนไปใช้สิทธิ์ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้วางตารางให้นายทักษิณไปลงพื้นที่ที่ใดอีกหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า เท่าที่ทราบมามีแค่วันที่ 13 พ.ย. และวันที่ 14 พ.ย. ที่จะมีการปราศรัยที่ทุ่งศรีเมือง และเมื่อมีการเลือกตั้งใหญ่ทุกครั้ง ทุ่งศรีเมืองก็จะเป็นเหมือนไฮไลท์ของจ.อุดรธานี ฉะนั้นจึงมองว่าวันที่ 14 พ.ย.จะเป็นไฮไลท์ที่จะมีคนมาร่วมฟังปราศรัยเป็นหมื่นคนอีกครั้ง

สำหรับการลงพื้นที่ในจังหวัดอื่น ตนยังไม่ทราบ ยังเช็กอยู่ และต้องบอกว่านายทักษิณเป็นแค่ผู้ช่วยหาเสียง ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ก็ต้องรอดู เพราะคณะกรรมการบริหารพรรค ยังเคาะหาตัวผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคไม่ครบ ฉะนั้น ต้องรอให้คณะกรรมการบริหารพรรคเคาะก่อน ส่วนจังหวัดใดที่จะเชิญนายทักษิณไปเป็นผู้ช่วยหาเสียง ก็ต้องประสานมาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่า จะมีพื้นที่ใดหรือไม่ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมาร่วมช่วยหาเสียงด้วย นายดนุพร กล่าวว่า ต้องดูภาระงานของนายกรัฐมนตรี เพราะวันธรรมดาในช่วงกลางวันจะหาเสียงไม่ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ได้ในช่วงหลังเลิกงาน หรือวันเสาร์ - อาทิตย์ เมื่อถามย้ำว่า จะมีโอกาสหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า อาจจะมีหากโอกาสและเวลา ถ้าจังหวะเวลามันได้ ก็เป็นไปได้ที่น.ส.แพทองธารและนายทักษิณจะมาลงพื้นที่พร้อมกัน ต้องรอดู