WDC เดินแผนธุรกิจ 3-5 ปี สร้างการเติบโตต่อเนื่อง ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ “การพัฒนาสินค้า-ขยายช่องทางจำหน่าย-การสร้างแบรนด์” วางเป้าจบปี 2570 มีสาขา 12-15 แห่ง จากล่าสุดเปิดสาขาใหม่แห่งที่ 9 จ.สุราษฎร์ธานี หลังทุ่มงบกว่า 20 ล้าน สร้างโชว์รูมรูปแบบใหม่ผสานอัตลักษณ์ท้องถิ่น ขณะที่แผนปี 2568 ลุยทำตลาดสินค้ากลุ่มรักษ์โลกติดฉลาก EPD ด้านสิ่งแวดล้อม รายแรกและรายเดียวในไทย ชี้ Quiet Luxury เป็นกลุ่มสินค้ามาแรงแห่งปี พร้อมเตรียมเปิดตัว Friends of Brand สาวคนใหม่รักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยสร้างการรับรู้พร้อมกระตุ้นยอดขายโตสองหลัก
เมื่อวันที่ 13 พ.ย.67 นางสาวศุภมาส ใจน้อย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WDC ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัสดุตกแต่งพื้นและผนังระดับพรีเมียม เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า จะยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนยุทธศาสตร์ในระยะ 3-5 ปีนับจากปัจจุบัน ซึ่งมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1.การพัฒนาสินค้า 2.การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และ 3.การสร้างแบรนด์ โดยให้ความสำคัญกับ 3 DNA สำคัญของบริษัทที่ประกอบด้วย นวัตกรรม (Innovation) ความสวยงามจากการออกแบบ (Design) และความคุ้มค่า (Value) หรือราคาที่เหมาะสม ทั้งในเรื่องของสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคจะได้รับ ซึ่ง WDC ที่ยึดถือและดำเนินมาโดยตลอด
สำหรับกลยุทธ์ด้านการพัฒนาสินค้า บริษัทยังเน้นทำตลาดสินค้ากระเบื้องที่มีเทคโนโลยี MICROTEC Technology เป็นนวัตกรรมที่ทำให้กระเบื้องมีคุณสมบัติกันลื่น แต่มีผิวที่นุ่มเดินแล้วไม่บาดเท้า เมื่อกระเบื้องโดนน้ำจะมีค่าความหนืดสูง ลดโอกาสการลื่นล้มและได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง WDC เป็นบริษัทแรกที่นำกระเบื้องดังกล่าวเข้ามาขายในประเทศไทย เป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม และการตอบรับที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญและต้องการใช้ทั้งปัจจุบันและในอนาคต
นอกจากสินค้าเทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว กลุ่มสินค้ารักษ์โลกเพื่อความยั่งยืน เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม และเป็นที่ต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในปีหน้าบริษัทจะมุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มสินค้ารักษ์โลกสัดส่วน 65-70% ของสินค้าทั้งหมด และเป็นสินค้าที่ได้รับรองฉลาก EPDหรือ Environmental Product Declaration ซึ่งเป็นประกาศด้านสิ่งแวดล้อมที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบ Life Cycle Assessment หรือ LCA ตั้งแต่ที่มาของส่วนผสม กระบวนการผลิต การขนส่ง การเก็บรักษา การใช้งานสินค้า ไปจนถึงการนำกลับมาใช้ใหม่ ว่าในแต่ละช่วงอายุของผลิตภัณฑ์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากน้อยเพียงใด โดยได้รับการรับรองจากองค์กรอิสระที่น่าเชื่อถือ ซึ่ง WDC เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรองฉลาก EPD บนกลุ่มสินค้าที่มีโครงสร้างราคาแบบเอเชีย
นางสาวศุภมาส กล่าวอีกว่า เทรนด์สินค้าในปีหน้านอกจากฟังก์ชั่นป้องกันการลื่น ที่ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญและมีความต้องการสูง ผู้บริโภคยังมีความต้องการสินค้าที่มีดีไซน์สวยงาม มีลวดลายเหมือนวัสดุธรรมชาติ เป็นสินค้าที่มีความหรูหราแต่เรียบง่าย หรือ Quiet Luxury ที่ได้รับความนิยมในวงการแฟชั่นมาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มเข้ามาสู่สินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่ง ถือเป็นเทรนด์สินค้ามาแรงในปี 2568 บริษัทจึงเตรียมสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 2-3 คอลเลคชั่น ซึ่งเตรียมเปิดตัวทำตลาดในปีหน้าด้วย
ขณะที่ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทได้เปิดโชว์รูมแห่งใหม่ล่าสุดที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสาขาลำดับที่ 9 จากก่อนหน้าที่ขยายสาขาจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง จึงเดินหน้าขยายสาขาในพื้นที่โซนภาคใต้ต่อเนื่อง โดยใช้งบลงทุนก่อสร้างกว่า 20 ล้านบาท และถือเป็นสาขาแรกที่ได้ปรับคอนเซ็ปต์ใหม่ ด้วยการผสมผสานวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีและสถาปัตยกรรมในท้องถิ่น ซึ่ง WDC ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงามของ เขาสกและเขื่อนรัชชประภา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสุราษฎร์ธานีที่มีทิวทัศน์อันงดงาม เต็มไปด้วยภูเขาและชะง่อนผาหินปูนที่โอบล้อม ซึ่ง WDC ได้นำมาตีความและปรับเป็นผนังตกแต่งหลักหรือ accent wall ที่ติดโลโก้ WDC ไว้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงการให้บริการวัสดุตกแต่งคุณภาพสูงที่เราได้นำมาไว้ให้บริการที่สุราษฎร์ธานีและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่
โดยตามแผนธุรกิจระยะ 3-5 ปี หรือภายในปี 2570 WDC วางเป้าหมายมีสาขารวมทั้งหมด 12-15 แห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 9 แห่ง พร้อมกับจะเริ่มทำตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ด้วยการหาพันธมิตรเพื่อขยายตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมสร้างแบรนด์ WDC ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเริ่มสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ ในการขยายตลาดในต่างประเทศอีกด้วย
นางสาวศุภมาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้มี “เจมส์-จิรายุ” นักแสดงชื่อดังแถวหน้าของเมืองไทย มาช่วยในการสื่อสารและสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี MICROTEC สำหรับปี 2568 บริษัทวางแผนสร้างแบรนด์และสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทได้บรรลุข้อตกลงในการทำการตลาดกับ Friends of Brand คนใหม่ เป็นศิลปินผู้หญิงที่ให้ความสนใจและทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่จะเข้ามาช่วยสื่อสารการตลาดและสร้างการรับรู้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์รักษ์โลก
“หลังจาก WDC ทำตลาดและสร้างแบรนด์มาประมาณ 5 ปี ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและมีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น ผลจากการสร้างแบรนด์ดังกล่าว สะท้อนความสำเร็จออกมาให้เห็นจากยอดสั่งซื้อสินค้า ในกลุ่มลูกค้าบางเซ็กเมนต์ที่ไม่เคยสั่งซื้อกับบริษัทมาก่อนเริ่มมีเข้ามา ในปีหน้าบริษัทจึงเตรียมงบการตลาดไว้มากที่สุดนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี เพื่อสร้างแบรนด์และทำตลาดรับสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดวัสดุตกแต่งพื้นและผนัง” นางสาวศุภมาส กล่าวและว่า
สำหรับภาพรวมตลาดวัสดุตกแต่งพื้นและผนังในปีนี้ เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีมูลค่าตลาดกว่า 30,000 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้น่าจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดอยู่ในภาวะทรงตัว โดยในปี 2568 คาดว่าจะกลับมาเติบโตเพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้ เนื่องจากคาดว่าสภาพเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ WDC คาดว่าปีนี้จะสามารถเติบโตในอัตราเลขสองหลัก ซึ่งเติบโตได้มากกว่าภาพรวมของตลาด และ WDC มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ประมาณ 3-5% ของมูลค่าตลาดรวม
###