เกษตรกรชาวอำเภอบางแพ จ.ราชบุรี สุดเจ๋งใช้เวลา 15 ปี ทดลองนำมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้ผสมกับพันธุ์อาร์ทูอีทู ได้ลูกผสมออกมาสายพันธุ์ใหม่เจ้าแรกของประเทศชื่อ อาร์จีสยาม มีลักษณะเด่น ผลแดง รสชาติหวาน มีกลิ่นหอม กำลังเป็นที่สนใจของลูกค้าต่างประเทศ  

วันที่ 12 พ.ย.67 พาไปดูความสำเร็จในการทดลองนำมะม่วง  2  สายพันธุ์มาผสมกันจนได้ลูกพันธุ์ผสมใหม่เจ้าแรกของประเทศไทย หรือ ของโลกก็ว่าได้ ขณะนี้ได้จดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ จากกรมวิชาการเกษตรเรียบร้อยแล้ว เป็นมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ คือ “ อาร์จีสยาม ”  ที่นายราเชนทร์  สุขหวานอารมณ์  ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ที่ได้ทดลองนำมะม่วงสายพันธุ์พ่อ คือ พันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง  มาผสมกับสายพันธุ์แม่คือ พันธุ์อาร์ทูอีทู  ลองผิดลองถูกผสมกันหลายสายพันธุ์ยาวนานกว่า  15  ปี จนประสบความสำเร็จได้ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ออกมาชื่อว่า พันธุ์อาร์จีสยาม ด้วยมีคุณสมบัติเด่น คือ ผลมีลักษณะคล้ายมะม่วงน้ำดอกไม้ มีสีแดงสด ผสมเหลือง เปลือกหนาต้านทานโรคและแมลงทำลายได้ดี โดยไม่ต้องห่อถุงเมื่ออยู่บนต้นเหมือนมะม่วงทั่วไป รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จะเก็บลูกมาบ่มหนักประมาณ  4 - 4.50  ขีด กำลังเป็นน้องใหม่ในวงการมะม่วงไทย และเป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศโดยเฉพาะแถบยุโรป  จีน  ญี่ปุ่น และเกาหลี ที่จะชอบมะม่วงที่มีผลสีแดงสดมากกว่าสีเหลืองทอง  
               

นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์  ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วง อ.บางแพ  กล่าวว่า   ต้นพันธุ์ที่ได้เสียบยอดไว้ของพันธุ์อาร์จีสยาม เกิดจากต้นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมา ต้นแม่เป็นพันธุ์อาร์ทูอีทู ต้นพ่อเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง  นำมาผสมที่ดอกของพันธุ์อาร์ทูอีทู   แล้วเอาเม็ดของอาร์ทชอีทู ไปเพาะแล้วเกิดขึ้นมาเป็นอาร์จีสยาม ตอนนี้ทดลองทำมา  15  ปีแล้ว  จนมั่นใจว่าสามารถนำมาเผยแพร่ได้เอาไปเป็นพืชทางเลือกของมะม่วงไทย ปัจจุบันจะเห็นพันธุ์น้ำดอกไม้สีทองเป็นตัวหลัก  สีเนื้อของอาร์จีสยามจะเหลืองอมส้ม รสชาติค่อนข้างหวานประมาณสูงสุดถึง 20 บริกซ์   ด้วยคุณลักษณะของมะม่วงทั้งสองสายพันธุ์   ได้รูปทรงของพันธุ์น้ำดอกไม้มา และได้สีของพันธุ์อาร์ทูอีทูมาด้วย จุดเด่นคือ ทนต่อโรค ทนต่อการขนส่งได้ดี   ติดผลดี  อย่างที่เห็นนี้เป็นต้นที่เสียบยอดของมะม่วงสายพันธุ์อาร์จีสยาม ปัจจุบันมีขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ เช่น เดอะมอลล์   ท็อป และยังส่งจำหน่ายต่างประเทศ ตอนนี้ได้ปลูกไว้ประมาณ   1  พันต้นแล้ว  และกำลังติดผลประมาณ  300  ต้น มั่นใจว่าให้เป็นพืชทางเลือกแก่เกษตรกรที่สนใจในการปลูกเพื่อเป็นรายได้เสริมใช้เวลานานในการพัฒนาสายพันธุ์ ผลผลิตที่มีออกมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ถึงนำออกมาสู่ตลาดโลก ปัจจุบันมีวางขายแล้ว เคยส่งต่างประเทศถ้าเป็นพันธุ์น้ำดอกไม้ประมาณกิโลกรัมละ  60  บาท แต่พันธุ์อาร์จีสยามส่งขายกิโลกรัมละ  110  บาท  ลูกค้าถูกใจ มาปีนี้เป็นการออกรุ่นทวายรุ่นที่  2   เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของเกษตรกรที่สนใจอยากปลูกมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ เป็นรายได้เสริมอีกทางที่จะช่วยสร้างรายได้
               

นายสุพัฒน์  อ่อนคง  เกษตรจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ราชบุรีมีการปลูกมะม่วงกว่า  2  หมื่นไร่  ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.บางแพ อ.ปากท่อ อ.จอมบึง  ซึ่งพันธุ์ที่นิยมปลูกเป็นที่ต้องการของตลาดคือ พันธุ์น้ำดอกไม้ และน้ำดอกไม้เบอร์  4    ส่วนที่นี่มีสายพันธุ์ใหม่คือ อาร์จีสยาม ซึ่งได้เริ่มมีการทำช่องทางการตลาด และได้จดลิขสิทธิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นเกษตรกรที่มีความโดดเด่นเรื่องการปรับปรุงและพัฒนามะม่วง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย 
             

สำหรับการปลูกเนื้อที่ประมาณ  120  ไร่ มีการยกร่องให้สูง ในสวนมีการปลูกหลายพันธุ์ เช่น น้ำดอกไม้สีทอง   น้ำดอกไม้เบอร์ 4  อาร์จีสยาม พันธุ์อาร์ทู อีทู และอีกหลายสายพันธุ์ การดูแลก็คล้าย ๆ กับมะม่วงทั่วไป  แต่พันธุ์อาร์จีสยามจะต้องคอยแต่งกิ่งที่อยู่ใกล้ลูกออกเพื่อให้โดนแดด จะทำให้ลูกมีสีแดงสดขายได้ราคาดี การปลูกใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงจะให้ผลผลิต ส่วนการติดผลใช้เวลาประมาณ  105 - 120  วัน จึงจะเก็บผลผลิตได้   ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นเจ้าแรกในการใช้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดมาใช้ห่อมะม่วง ซึ่งทำจากยางพารา สามารถย่อยสลายได้ใน 1 ปี 6 เดือน  มีประโยชน์ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม กันกระแทกได้ดีในการขนส่งในระยะทางที่ไกล ๆ อีกด้วย  

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่นายราเชนทร์ สุขหวานอารมณ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผู้ส่งออกมะม่วงอำเภอบางแพ  เบอร์  086-0419571