สยามรัฐยืนหยัดอยู่บนบรรณภิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาณ “นิคฺคณฺเห นิคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*…

ไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง ชื่อ ของ “เสี่ยโต้ง”กิตติรัตน์ ณ ระนอง เข้าป้ายเป็น ประธานบอร์ดแบงก์ชาติเรียบร้อยโรงเรียนทักษิณ …*…

ในวันที่คิดว่า ทักษิณ ชินวัตร โดนล้อมกรอบ ใกล้จนตรอก หรือปิดฉากลงแล้ว “เสือเฒ่า” ก็กัดฟันปรากฏตัว ออกมาจากบ้านจันทร์ส่องหล้า หลังกลยุทธ์ “หนี ซ่อน สู้” เปิดโหมดสู้เต็มอัตราศึก พิสูจน์ให้เห็นว่า  พรรคเพื่อไทย ยังเป็น “หมากการเมือง” สำคัญ ในการรุกกลับพรรคประชาชน…*…

 และ “อาวุธสำคัญ” ที่จะค้ำบัลลังก์นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ได้ มีเพียง หนึ่งเดียวคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องให้ “มีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี” ตามที่ ลั่นวาจาหาเสียงเอาไว้ …*…

แต่อุปสรรคหนึ่ง ที่พรรคเพื่อไทยมองเห็น ก็คือ “ติดเงี่ยง” ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ แต่ประธานบอร์ดแบงก์ชาติไม่ได้มีบทบาทมากขนาดกำหนดนโยบาย แต่การส่ง “กิตติรัตน์” ลงมาเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ก็มีความหมายมากกว่าที่คิด …*…

ยิ่งเจอกระแสต้าน หรือมีโอกาสเสี่ยงกับม็อบแค่ไหนก็ยิ่งน่าคิดว่า เพื่อไทยดันทุรังเข็น “กิตติรัตน์” ขึ้นแท่นทำไม  แม้ ต้องยอมรับว่า “กิตติรัตน์” โปรไฟล์ไม่ธรรมดา เพราะเป็นอดีตมือเศรษฐกิจเป็นรองนายกฯและรมว.คลังของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เชี่ยวชาญทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน เป็นอดีตรัฐมนตรีผ่านทางทั้งคลังและพาณิชย์ …*…

แต่สิ่งที่ทำให้แบงก์ชาติออกอาการ “ต่อต้าน” รุนแรง ไม่ใช่เพียงแค่เป็นคนจากฝ่ายการเมือง ในอดีตที่ “กิตติรัตน์” สมัยเป็นรองนายกฯและรมว.คลังก็เคยงัดข้อกับแบงก์ชาติมาแล้ว แต่ที่มันดับเบิ้ลความหวาดระแวงเข้าไป ก็เนื่องมาจากเบื้องหลัง “กิตติรัตน์” คือ ทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้หวาดระแวงหนัก…*…

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ “ทักษิณ” ได้จากเกมนี้ ไม่ใช่การ “เหลิงอำนาจ” หรือ “เหลิงลม” แต่เป็นการส่งสัญญาณว่า “ควบคุมได้” และ   “จัดการได้” และไม่ใช่แค่กล้าดัน “กิตติรัตน์” แต่จะปลดผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะทำไม่ได้ หรือ ประลองกำลังหยั่งเชิง กลุ่มต่อต้าน ว่า “มีแรงแค่ไหน”…*…

เบื้องลึก เกมลับ คือการส่ง “กิตติรัตน์” ไปกรุยทางสำหรับ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ เนื่องด้วย เศรษฐพุฒิ สุทธิวาสนฤพุฒิ จะหมดวาระในการดำรงตำแหน่งในเดือนกันยายน 2568 และเจ้าตัวก็เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะไม่ต่อวาระเนื่องจากอายุเกิน 60 ปีแล้ว…*…

ดังนั้นจึงต้องจับตา บทบาทของ “กิตติรัตน์” ในการวางเกมเพื่อที่จะได้ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ที่ตรงกับใจของรัฐบาลเพื่อไทย เพื่อให้นโยบายสอดคล้องต้องกัน ในการเดินหน้านโยบายเรือธง และการรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจภายในและภายนอก …*…

ส่วนเรื่อง “กินมาม่า” หรือ “ไวไว” ในบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น เชื่อว่าเกมการเมืองเรื่องเขากระโดง น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของพรรคภูมิไทย ในฐานะที่ กกต. น่าจะกันไว้เป็น “พยาน” ในคดีครอบงำพรรคการเมืองของ “ทักษิณ” ฉะนั้น จะให้ข้อมูลอย่างไรให้รอดไปด้วยกัน หรือจะให้พรรคเพื่อไทยตายเดียว เพื่อพลิกเกมส่ง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ตามคำสัญญาของ เนวิน ชิดชอบ ก็ต้องมาจับตาดูกัน เพราะพยานปากสำคัญอย่าง สันติ พร้อมพัฒน์ ก็เห็นว่าจะไปลงเรือภูมิใจไทย ...*...

ที่มา:ศรพระราม (13/11/67)