สระบุรี ชาวบ้านหลายอำเภอยื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง500KV
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ชาวบ้านหลายอำเภอกว่า 100 คนในพื้นที่ จ.สระบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตว่าจะมีการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง 500 กิโลโวลล์ได้รวมตัวกันถือป้ายคัดค้านการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง โดยมีข้อความว่า “โปรดเห็นใจไม่เอาไฟฟ้าแรงสูง500KVบนพื้นที่ทำกินชาวบ้าน คัดค้านไฟฟ้าแรงสูง500KV ไม่เอาไฟฟ้าแรงสูง ฯลฯ”ที่ บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดสระบุรี เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูง ต่อนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี โดยมีนายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือการคัดค้านการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จากนายเอกภิศร นิลชาติ ตัวแทนชาวบ้านจากนั้นชาวบ้านได้ร่วมกันร้องว่า เราไม่เอาเสาไฟฟ้าแรง เราไม่เอาเสาไฟฟ้าแรงสูง เราไม่เอาเสาไฟฟ้าแรงสูง ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา
นายเอกภิศร นิลชาติ อายุ 49 ปี เล่าว่า ที่พวกเรารวมตัวกันมายื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างเสาไฟฟ้าแรงสูงเนื่องจากว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบจาก โครงการสายไฟฟ้าโครงข่ายสายไฟฟ้าแรงสูง500 กิโลโวลล์ โดยพาดผ่านพื้นที่ชุมชุนหลายหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเนื่องจากพื้นที่ที่ใช้ทำการเกษตร โดยการไฟฟ้าได้ใช้วิธีการรองสิทธิ์ และชดเชยค่าเสียหาย แต่ค่าเสียหายที่ได้รับมันไม่คุ้มกับค่าชดเชย เพราะว่าสิ่งที่ชาวบ้านได้รับความเสียหาย คือที่อยู่ ที่ทำกิน มันใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย เนื่องจากทำนาข้าวก็ไม่ติดเม็ด ไม่ติดรวง ไม้ผลก็ไม่สามารถอยู่ได้เลย ซึ่งในวันนี้ที่มาเรียกร้องก็เพื่อไม่อยากให้มีเสาไฟฟ้าแรงสูงแบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งรัฐควรที่จะไปหาวิธีการ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าเมื่อมองไปกลางทุ่งนามีแต่เสาไฟฟ้าพาดผ่านกันเป็นใยแมงมุมแล้ว ซึ่งทางชาวบ้านไม่ต้องการแบบนี้ควรที่จะมีการพัฒนากันไปมากกว่านี้แล้ว ส่วนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดสระบุรีก็มีตั้งแต่ อ.มวกเหล็ก อ.วังม่วง อ.แก่งคอย อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เสาไห้ อ.หนองแซง ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่มีใครรู้เลยว่า ตัวเองโดนอะไรแล้วจะต้องทำอย่างไรมันทำไม่ได้ ไม่มีการพูดความจริงกันกับชาวบ้าน ส่วนที่ชาวบ้านรู้ตัวว่าเสาไฟฟ้าแรงสูงจะต้องผ่านพื้นที่นาของใครนั้น เนื่องจากว่ามีการนำหมุดไปปักในพื้นที่ แต่ยังไม่มีการขออนุญาตเข้าพื้นที่ของการไฟฟ้า เท่ากับว่าชาวบ้านได้ถูกละเมิดสิทธิไปแล้ว ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าขั้นตอนพวกนี้มันผิดอยู่ที่ใคร หรือขั้นตอนในการดำเนินการของเขานั้นเขาได้ทำถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีพ.ร.บ.อยู่ในมือแต่ได้ทำถูกต้องตาม พ.ร.บ.หรือไม่ ซึ่งวันนี้ชาวบ้านถูกละเมิดสิทธิ์โดยการเข้าไปสำรวจพื้นที่โดยที่ชาวบ้านเจ้าของที่ดินไม่รู้ตัว ซึ่งการทำประชาคมหรือการชี้แจงนั้นคนที่ไปรับฟังการชี้แจงหรือทำประชาคมนั้นคนที่ไปฟังจะไม่ใช่คนที่ได้รับผลกระทบ จึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรขึ้นมาได้ ซึ่งในบางครั้งชาวบ้านด้วยความที่เขาไม่รู้หนังสือเอกสารโดยการที่ยังไม่เริ่มทำประชาคมเลย แต่เอกสารกลับถูกทำเครื่องหมายว่า เห็นดี เห็นชอบด้วยหมดและสิ่งเหล่านี้มันคืออะไร แล้วเอามาสรุปผลว่าชาวบ้านเห็นด้วยแล้ว เนื่องจากวันนี้ที่มาเรียกร้องก็เพื่อ ไม่อยากได้เสาไฟฟ้าแรงสูงเข้ามาในพื้นที่ของเรา ไม่เอา ไม่เอาเลย ไม่ใช่มาเรียกร้องให้ได้ราคาที่ดินที่สูงขึ้น ที่ดินราคาสูงอยู่แล้วแต่ถ้าเสาไฟฟ้าผ่านที่ดินก็จะหมดราคาเลย มันขายไม่ได้
ทางด้านนางศันสนีย์ อ่องสวัสดิ์ ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเผยว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าได้เข้ามาในพื้นที่โดยแจ้งประชาสัมพันธ์ว่าจะมีไฟฟ้าเข้ามาในพื้นที่ ต.หัวปลวก ผู้นำชุมชนก็ได้เข้าไปร่วมประชุมโดยครั้งแรกเข้าไปทางการไฟฟ้าได้ให้เข้าไปร่วมเซ็นชื่อ โดยมีผู้นำชุมชนได้สอบถามว่าจะเข้ามาทางไหน หมู่ไหนบ้าง ซึ่งก็ไม่สามารถตอบได้ตอบแต่เพียงว่าไม่รู้ จากนั้นผู้นำก็ได้ตอบกลับไปว่า ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ไม่ต้องเข้ามาซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่1 จากนั้นเมื่อเดือนกันยายน ทางกำนันได้มาแจ้งว่าการไฟฟ้าจะเข้ามาสำรวจในพื้นที่จริงของชาวบ้าน แต่ความเป็นจริงเมื่อตนเองได้เข้าไปพบเห็นนั้น เขาไม่ได้เข้ามาสำรวจในพื้นที่จริงเป็นการเอาหลักหินของ กฟภ.เข้ามาปักในพื้นที่ของชาวบ้าน ตนเองจึงเข้าไปถามว่าทำไม่ถึงเข้ามาปักในพื้นที่ของชาวบ้าน ได้รับคำตอบว่าได้ผ่านประชาพิจารณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนจึงได้ถามไปว่าประชาพิจารณ์ที่ทำนั้นใครเข้ามา ได้รับคำตอบว่าทำประชาพิจารณ์ที่เทศบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่เจ้าของที่ดินยังไม่มีใครได้รับรู้กันเลยก็เท่ากับเป็นการบุกรุก ตนเองจึงได้ไปร้องเรียนที่เทศบาลมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ก็ไม่ได้คำตอบ จากนั้นครั้งที่2 ทางการไฟฟ้าได้เข้ามาชี้แจง ซึ่งชาวบ้านก็ได้คัดค้านไปว่าไม่เอาเสาไฟฟ้าแรงสูง แต่กลับได้รับหนังสือตอบจากการไฟฟ้าว่า ได้ชี้แจงกับชาวบ้านจนเข้าใจกันแล้ว แต่ความเป็นจริงชาวบ้านยืนยันว่าไม่เอา ตนเองเข้าใจว่าไฟฟ้าอาเปรียบประชาชน คือบังคับประชาชนเหมือนโจรที่เข้ามาจี้ชาวบ้าน
ทางด้านนายวิรุฬห์ สิทธิวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เผยว่าหลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านก็จะต้องรีบทำบันทำ เพื่อให้มีหนังสือออกโดยจังหวัดไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโดยให้รู้ว่าทางพื้นที่มีความประสงค์ที่จะไม่ให้มีการปักเสาไฟแรงสูงผ่านพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากมีความกังวลเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถ้าจะทำก็ควรเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมและมีผลกระทบน้อยที่สุด เนื่องจากว่าเสาไฟฟ้าแรงสูงเมื่อผ่านไปพื้นที่ตรงไหนก็ไม่มีใครอยากให้ผ่าน ซึ่งตนเองในฐานะจังหวัดเมื่อเป็นความเดือดกร้อนของประชาชนก็จะส่งให้ทั้งหมด และจะต้องให้ทางนายอำเภอ ที่มีการสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นก็จะนำกลับมาเพื่อนำมาประกอบประมวลเรื่องจะได้มีความคิดเห็นของจังหวัดเสนอไปยังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเพื่อพิจารณาต่อไป