จับแล้วมือฆ่าโหดทุบหัว ตัดคอ ควักไส้ลูกหมา 4 ตัวที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์  ที่แท้ฝีมือลูกติดภรรยาเจ้าของสุนัขเอง    เพราะจำนนท์ต่อหลักฐานทั้งรูปถ่ายในมือถือ เสียมที่ใช้ขุดฟังซาก มีดและเสื้อเปื้อนเลือด ไม่ยอมปริปากสาเหตุที่ฆ่าหมา แต่คาดไม่ชอบพ่อเลี้ยงจึงสร้างสถานการณ์หวังโยนความผิดให้ มูลนิธิเดอะโฮปไทยแลนด์ ปศุสัตว์ และ ตร. รุดลงพื้นที่ แจ้งข้อหา ทารุณกรรมกรรสัตว์

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์  ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน และมีผู้หวังดีโพสต์เฟสบุ๊กว่า มีลูกสุนัขเพิ่งคลอดอายุประมาณ  1-2  สัปดาห์ ที่สองสามีภรรยาเลี้ยงเอาไว้ ที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านดอนขวาง ตำบลตาเป็ก อ.เฉลิมพระเกียรติ ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมจำนวน 4 ตัว ทิ้งศพไว้บริเวณใต้ต้นน้อยหน่าข้างบ้าน โดยสภาพศพมีทั้งถูกทุบหัว ตัดคอ และควักไส้ออกมาเป็นที่น่าเวทนาสงสาร แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบร่องรอยการขุดหลุมฝังกลบ และขวดสุราที่แตกอยู่ใกล้จุดดังกล่าวด้วย แต่ไม่พบสามีและภรรยาเจ้าของบ้าน จากนั้นทีมข่าวได้ไปตามหาสองสามีภรรยา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง พบเพียงนายเขียว ผู้เป็นสามี อาศัยอยู่บ้านป้า แต่ปฏิเสธไม่ได้ฆ่าลูกสุนัขทั้ง 4 ตัว เพราะเป็นคนเอาแม่ของลูกสุนัขที่ถูกฆ่ามาเลี้ยงเอง เพราะเป็นคนรักสัตว์ แต่ไม่เจอตัวภรรยา 

ล่าสุดเมื่อบ่าย วานนี้ (12 พ.ย.67) นายพีระบุญ เจริญวัย ประธานมูลนิธิ  The Hope Thailand และ คณะกรรมการพิจารณาแก้ไขปัญหาสัตว์จรจัดฯ พร้อมด้วยนายสัตว์แพทย์ สุริยะ  กาวงษ์กลาง  หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์  สำนักงานปศุสัตว์ จ.บุรีรัมย์ , นายสวัสดิ์  บุตรพรม  ปศุสัตว์อำเภอเฉลิมพระเกียรติ , นายธนดน   สุริยะวัน  นักวิชาการสัตวบาลปฎิบัติการ ,  นายชลธี  ครุฑสุวรรณ  เจ้าพนักงานสัตวบาล  , นายโฆสิท   มะละปัทธิ   เจ้าพนักงานสัตวบาล  พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิชา  เตียงประโคน  สารวัตร (สอบสวน) สภ.เฉลิมพระเกียรติ  , เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน  สภ.เฉลิมพระเกียรติ  และฝ่ายปกครอง  ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านดอนขวาง  ต.ตาเป๊ก  อ.เฉลิมพระเกียรติ   เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกสุนัขถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณ ทั้ง 4 ตัว  

ซึ่งจากการพูดคุยสอบถามรายละเอียดกับนายเขียว เจ้าของสุนัข ที่ไปอาศัยอยู่บ้านป้า นานกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ก็เชื่อว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของนายเขียว เนื่องจากมีปากเสียงทะเลาะกับภรรยา และออกมาจากบ้านก่อนที่สุนัขจะถูกฆ่าตาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังที่ลูกสุนัขถูกฆ่าตาย แต่ไม่พบภรรยานายเขียว พบเพียงนายเต่า  อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นลูกติดภรรยาและเป็นลูกเลี้ยงของนายเขียว   

จากการสอบถามนายเต่า ว่าทราบเรื่องที่ลูกสุนัขทั้ง 4 ตัวถูกฆ่าตายหรือไม่ นายเต่า ก็ทำท่ามีพิรุธ ไม่ตอบคำถามเจ้าหน้าที่ บางคำถามก็พยักหน้าบางครั้งก็ส่ายหัวเท่านั้น ลักษณะเหมือนกึ่งรับกึ่งปฏิเสธ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นเสื้อที่สวมใส่เปื้อนเลือด จึงถามว่าเปื้อนเลือดอะไร ตอนแรกนายเต่า อ้างว่า เปื้อนเลือดตัวเอง แต่พอตรวจสอบดูตามร่างกายก็ไม่มีบาดแผล จึงเค้นถามว่าเลือดใครกันแน่ เจ้าหน้าที่จึงถามว่าใช่เลือดสุนัขหรือไม่ นายเต่า ไม่ตอบแต่พยักหน้า จากนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ก็พบมีดเปื้อนคราบเลือด 1 เล่ม คาดว่าเป็นมีดที่ใช้ฆ่าสุนัข  ทั้งยังพบเสียมที่ยังเปื้อนดิน คาดว่าใช้ขุดฝังสุนัข และเมื่อตรวจสอบมือถือนายเต่า ก็พบภาพที่ถ่ายรูปที่ถูกฆ่าตายไว้ในมือถือด้วย ถือเป็นหลักฐานมัดตัว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายเต่า ไปสอบปากคำที่โรงพัก จึงยอมรับสารภาพว่าได้ฆ่าลูกสุนัขจริง แต่พอสาเหตุที่ฆ่านายเต่า ก็ไม่ยอมปริปาก   

แต่จากข้อมูลหลักฐานที่พบ จึงเชื่อว่านายเต่า  น่าจะฆ่าลูกสุนัขแล้วพยายามสร้างเรื่องว่าเป็นฝีมือพ่อเลี้ยง เพราะนายเต่า ไม่พอใจที่เวลา แม่ และพ่อเลี้ยงดื่มเหล้า แล้วพ่อเลี้ยงชอบมีปากเสียงทะเลาะกับแม่ อาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ไม่พอจึงสร้างเรื่องเพื่อโยนความผิดให้พ่อเลี้ยง อย่างไรก็ตามจะได้ติดตามตัวแม่ มาสอบถาม ว่ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังไม่เจอตัวแม่ 

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหา นายเต่า ฐาน “ทารุณกรรมสัตว์”  มีโทษทั้งจำทั้งปรับตามกฎหมาย  

ด้านนายพีระบุญ เจริญวัย ประธานมูลนิธิ The Hope Thailand กล่าวว่า วันนี้ก็ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เข้าตรวจสอบตรวจข้อเท็จจริง กรณีลูกสุนัขถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ก็ทำให้ได้ข้อมูลหลักฐาน และวัตถุพยาน ของผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุฆ่าลูกสุนัข พร้อมทั้งได้นำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก เมื่อมีพยานหลักฐานก็ต้องดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายฐานทารุณกรรมสัตว์