"เอกนัฏ" ปฏิรูปทั้งระบบ เพิ่มแต้มต่อ ปรับกลไกการอนุมัติอนุญาตโรงงาน ถ่างช่องว่าง อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการดีทุกช่องทาง ขึ้นบัญชี Blacklist ผู้ประกอบการประวัติไม่ดี ตรวจสอบพิจารณาเข้มข้น ไม่กลัวอิทธิพล ไม่ปลอดภัย ไม่อนุญาต

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.67 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปอุตสาหกรรมไทยผ่านการขับเคลื่อนด้วยนโยบาย “สู้ เซฟ สร้าง” สู้กับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมายทำร้ายประชาชนและสร้างมลพิษ เซฟพี่น้องอุตสาหกรรมไทย สร้างความเท่าเทียม สร้างรายได้ สร้างโอกาส ในการแข่งขันทางธุรกิจ และสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งยกระดับการบริการ ปรับบทบาทกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นการส่งเสริมสนับสนุน (Enable) อำนวยความสะดวก (Facilitate) ควบคู่ไปกับการตรวจสอบกำกับดูแลโรงงานตามกฎกติกาอย่างเข้มข้น (Regulate) เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืนคู่ชุมชนและประชาชน 

ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ปรับกลไกการอนุมัติอนุญาตโรงงานทั้งระบบ เช่น การออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือ รง.4 การอนุญาตเกี่ยวกับการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิด “เพิ่มแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการที่ดี” โดยการขยายช่องว่างให้ผู้ประกอบการที่ดีได้รับการสนับสนุน ให้คำปรึกษา และจากเจ้าหน้าที่ในการบริการด้วยความรวดเร็วในทุกช่องทาง ขณะเดียวกันจะดำเนินการขึ้นบัญชี Blacklist ผู้ประกอบการที่มีประวัติไม่ดี เช่น บริษัทหรือกรรมการผู้จัดการที่เคยต้องโทษหรือดำเนินคดี มีการถูกร้องเรียน สร้างมลภาวะ หรือปล่อยมลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐานออกนอกบริเวณโรงงาน มีการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้อง หรือเคยถูกสั่งการให้ต้องปรับปรุงแก้ไขโรงงาน เป็นต้น ผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะต้องถูกตรวจสอบ และพิจารณาข้อมูลตั้งแต่ประวัติการประกอบการในอดีต ทำเลที่ตั้ง การติดตั้งเครื่องจักร การผลิตที่ต้องมีความปลอดภัย มีระบบบำบัดมลพิษที่มีมาตรฐานและมีระบบบริหารจัดการกากที่มีประสิทธิภาพถูกต้องตามหลักวิชาการและสามารถดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเข้มข้นและมีประสิทธิผล โดยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมทุกคน “ไม่ปลอดภัย ไม่อนุญาต” 

“การตั้งและประกอบกิจการโรงงานต้องสะอาด สะดวก โปร่งใส ไม่เกรงใจอิทธิพล เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างสมดุล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยอยู่ร่วมกับสังคมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว

นายพรยศ กลั่นกรอง รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรอ.ได้ปรับปรุงกระบวนการอนุมัติอนุญาตโรงงานอย่างต่อเนื่อง โดยการปรับลดขั้นตอนให้สั้นลง ลดระยะเวลา และออกใบอนุญาตให้รวดเร็วขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มแต้มต่อให้กับผู้ประกอบธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่ดี นอกจากนี้ กรอ.ได้กำหนดระเบียบหลักเกณฑ์ที่รัดกุมในการออกใบอนุญาต รง.4 และการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมในอุตสาหกรรมบางประเภท เช่น โรงงานที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดกำจัดกากอุตสาหกรรม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบกับประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโรงงานที่มีการหลอมหล่อตะกรัน หรือโรงงานลำดับที่ 101,105 และ 106 ซึ่งเป็นโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรมทั้งที่เป็นของเสียอันตรายและไม่เป็นของเสียอันตราย เช่น การคัดแยก หลุมฝังกลบ ทำเชื้อเพลิงผสม ทำเชื้อเพลิงทดแทนจากน้ำมันและตัวทำละลายใช้แล้ว สกัดแยกโลหะ ถอดแยกบดย่อยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลอมตะกรัน รีไซเคิลกรดด่าง เป็นต้น ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาเอกสารประกอบการดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบรัดกุม มีความปลอดภัย เป็นไปตามหลักวิชาการทุกกระบวนการ ประกอบกับการยกระดับปรับปรุงกระบวนการอนุมัติอนุญาตโรงงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วยการจัดทำบัญชี Blacklist ผู้ประกอบการที่มีประวัติไม่ดี จะนำไปสู่การปฏิรูปยกระดับการพิจารณาตรวจสอบและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้การประกอบกิจการโรงงานส่งผลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในอนาคต ภายใต้กระบวนการพิจารณาและตรวจสอบกำกับอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบติดตามได้ในทุกขั้นตอน

#เอกนัฏพร้อมพันธุ์ #ข่าววันนี้ #อุตสาหกรรม #โรงงาน #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์