ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ ปี 67 แม่แบบ 5 ดี คนดี พันธุ์พืชดี พื้นที่ดี องค์ความรู้ดี และมีความยั่งยืน

นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบโล่พร้อมเกียรติบัตรให้แก่ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร และศูนย์สาขาว่า สำนักงานกปร.ได้สนับสนุนให้เกษตรกรที่มาอบรมศึกษาดูงานในศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ นําความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีพ มีจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จ มีกิน มีใช้เพียงพอ เหลือขายสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และเพื่อขยายผลไปสู่เกษตรกรรายอื่นๆ จึงจัดทำโครงการขยายเสริมเพิ่มเครือข่ายศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการต่อยอดองค์ความรู้ที่มีอยู่ให้กระจาย และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การประเมินและกระบวนการตามหลัก Plan Do Check Act : PDCA มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์ประเมินแล้ว จำนวน 221 แห่ง โดยมีองค์ความรู้หลายสาขา ได้แก่ เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรอินทรีย์ ประมง ปศุสัตว์ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และอื่นๆ

“ในปี 2567 ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ และศูนย์สาขาได้รับโล่พร้อมเกียรติบัตรด้านเกษตรทฤษฎีใหม่และเกษตรผสมผสาน จำนวน 43 แห่งของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ 35 แห่ง แต่ละศูนย์ฯมีแนวทางและวิธีการในการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม สามารถนำไปปฏิบัติใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ทันที ที่สำคัญมีคุณสมบัติครบ 5 ดี คือ เป็นคนดี มีพันธุ์พืชดี มีพื้นที่ดี มีองค์ความรู้ดี และมีความยั่งยืน”

ด้าน นายสรรัตน์ ปวริญญานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เผยว่า จังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง ในอดีตเกษตรกรส่วนใหญ่จะทำเกษตรเชิงเดี่ยว ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมดินเสื่อมโทรมผลผลิตตกต่ำต้นทุนการผลิตสูงและมีปัญหาด้านการตลาด ดังนั้นการทำเกษตรทฤษฎีใหม่จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับช่วยให้เกษตรกรทำการผลิตที่ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีกินมีใช้อย่างมั่นคง “ภายในศูนย์ศึกษาฯ มีแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ให้เกษตรกรเข้ามาเรียนรู้วิธีปฏิบัติที่สอดคล้องกับแรงงานภายในครอบครัว สำหรับศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ เป็นเกษตรกรต้นแบบ จะเป็นแม่แบบที่ได้รับองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาฯ แล้วนำไปขยายผลในพื้นที่การเกษตรของตนเองจนประสบความสำเร็จ สามารถถ่ายทอดสู่เพื่อนเกษตรกรรายอื่นๆ ได้ จะช่วยให้การขยายผลประสบความสำเร็จรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”

ด้าน นางบัญชี พรหมสาขา ณ สกลนคร เกษตรกรที่ได้รับการยกระดับขึ้นเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรกรต้นแบบตามแนวพระราชดำริ บ้านบึงสา ต.จันทร์เพ็ญ อ.เต่างอย จ.สกลนคร เล่าว่า เมื่อไปเรียนรู้ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ จากนั้นมาปรับพื้นที่จำนวน 3 ไร่ 3 งาน แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าว ปลูกกล้วยหอมทองพันธุ์ปทุมธานี โดยขยายพันธุ์เอง ซึ่งระหว่างรอผลผลิตเติบโตก็จะปลูกพืชผักอื่นๆ แซมในแปลงกล้วย อาทิ ถั่วฟักยาว บวบเหลี่ยม ถั่วพลู และมะเขือเทศ ทำให้มีรายได้อย่างต่อเนื่อง เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือน นอกจากนี้ลูกสาวจะช่วยขายผ่านทางออนไลน์ “รู้สึกภูมิใจที่สำนักงานกปร.มอบโล่เป็นรางวัลในความเพียรพยายาม ตั้งใจน้อมนำแนวพระราชดำริปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิต และการประกอบอาชีพ รู้สึกซาบซึ้งใจที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ทำให้ชาวบ้านเต่างอยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์”

ขณะที่ นางสาวณัฏกานต์ ดากาวงค์ เกษตรกรคนรุ่นใหม่ที่มารับช่วงต่อจากพ่อแม่ ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ บ้านนาเลา และเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวฮางงอก เผยว่า หมู่บ้านเป็นพื้นที่รอบศูนย์ศึกษาฯ จึงได้รับองค์ความรู้ในด้านต่างๆตั้งแต่การเพาะปลูกการแปรรูปไปจนถึงการทำการตลาด โดยเริ่มจากปลูกพืชเพื่อให้มีบริโภคในครัวเรือน มีเหลือจึงนำออกขาย ส่วนที่ขายไม่หมดเอามาแปรรูปขายเช่นกัน “รู้สึกภูมิใจที่ได้รับโล่ในครั้งนี้ และได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอดงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”