จันทบุรีชุดสืบสวนภูธร จันทบุรี ร่วมสรรพสามิต สกัดจับรถตู้ทึบ 2 คัน ขบวนการลักลอบขนบุหรี่เถื่อน ยึดของกลางหว่า 6,930 คอตตอน รวม 93,000 ซอง มูลค่าความเสียหายค่ากว่า 70 ล้านบาท
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 พ.ต.อ.พีรพล เสลารัตน์ ผู้กำกับการสืบสวน ภูธรจันทบุรี และ พ.ต.ท.ขยกร ยศรุ่งเรือง สารวัตรสืบสวน พร้อมชุดสืบสวนร่วมกับสรรพสามิตพื้นที่จันทบุรี ได้ทำการจับกุมขบวนการลักลอบขนบุหรี่เถื่อน บริเวณริมถนน ทางเข้าจุดผ่อนปรนบ้านซับตารี หมู่ 2 ตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
โดยผลการฎิบัติการจู่โจม เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 รายพร้อมของกลางรถยนต์ 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ ISUZU D-MAX สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร พบผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายสำราญ (สงวนนามสกุุล) อายุ 55 ปี ชาวชลบุรี เป็นคนขับ และ เยาวชน นายกวีวัฒน์ (สงวนนามสกุล)อายุ 17 ปี ชาวจันทบุรี นั่งโดยสารมาด้วย
อีกคันเป็นรถยนต์ TOYOTA HILUX VIGO สีเทา ทะเบียน กรุงเทพมหานคร พบผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายชนภูมิ(สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ชาวจันทบุรี เป็นคนขับ จากการตรวจค้นพบของกลางประกอบด้วยบุหรี่เถื่อนหนีภาษีจำนวน 6,930 คอตตอน รวม 93,000 ซอง และเงินสดกว่า 10,000 บาท ที่ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ใช่เงินที่ได้จากการว่าข้างขนบุหรี่ ส่วนรวมมูลค่าความเสียหายทางภาษีครั้งนี้กว่า 70 ล้านบาท
จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า พบพฤติการณ์การลักลอบขนบุหรี่หนีภาษีในพื้นที่ ตำบลทุ่งขนาน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี โดยมีนายเอ๋ และนายดรีม เป็นผู้ต้องสงสัย ใช้รถยนต์ของกลาง 2 คัน เป็นพาหนะในการขนย้าย เจ้าหน้าที่จึงได้วางสายลับคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. สายลับได้แจ้งพบรถยนต์ต้องสงสัยทั้ง 2 คัน กำลังลักลอบขนบุหรี่ออกจากบ้านซับตารี เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังตามจุดต่างๆ เพื่อสะกัดจับ จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. พบรถยนต์คันดังกล่าวขับออกมาจากบ้านซับตารี มุ่งหน้าไปทางตลาดทุ่งขนาน
เมื่อรถมาถึงบริเวณริมถนนทางเข้าจุดผ่อนปรนบ้านซับตารี เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและส่งสัญญาณให้รถหยุด พร้อมขอตรวจค้น โดยเรียกให้ นายชนภูมิ , (สงวนนามสกุล) นายสำราญ ผู้ขับขี่ และนายกวีวัฒน์ ผู้โดยสาร ลงจากรถ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้ความร่วมมือในการตรวจค้น จนกระทั่งพบบุหรี่หนีภาษีของกลางจำนวนมาก
จากการสอบสวน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเคยกระทำความผิดมาแล้ว 2 ครั้ง ได้รับค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท โดยไม่รู้จักผู้ว่าจ้าง มีหน้าที่เพียงขับรถที่จอดไว้ในซอยเปลี่ยวและปฏิบัติตามคำสั่งทางโทรศัพท์ เพื่อนำสินค้าไปส่งที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
หลังการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพ เบื้องต้นได้ถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง " ตามมาตรา 2552 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 และ "ร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี" ตามมาตรา 24 พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป