เมื่อวันที่ 8 พ.ย.67 เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ข้อความระบุว่า... นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของทนายตั้ม หรือ ‘ทนายตั้ม’ ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส กรณีทนายตั้มรับเงินก้อนใหญ่ที่สุด คือ เงิน 71 ล้าน จากคุณอ้อย ผู้เสียหายในคดีฉ้อโกงเป็นปกติธุระ โดยนายสายหยุด ระบุว่าจากการรวบรวมเอกสารสัญญาต่างๆ ที่ตัวเองตรวจอย่างละเอียด มองว่า เป็นการให้เงิน 71 ล้านมาให้ทนายตั้มลงทุนคนเดียว ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทนายตั้มอ้างว่า “ได้มาโดยเสน่หา” ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพูดแบบนั้น 

เมื่อ ‘หนุ่ม กรรชัย’ ถามว่า ทำไมยังไม่คืน นายสายหยุด กล่าวว่า เป็นหนี้ก็ต้องใช้ ส่วนจะคืนหรือไม่อย่างไร เมื่อไหร่ ตนจะไปถามทนายตั้มให้หลังจากไปเยี่ยม

กรณีถัดมาเรื่องรถเบนซ์ นายสายหยุดกล่าวว่า ราคาส่วนต่างที่เกินมา เป็นเพราะช่วงนั้นรถขาดตลาด เมื่อทนายตั้มไปหาซื้อจากโชว์รูมจนได้ จึงไปขอส่วนต่าง 1.5 ล้านจากโชว์รูม 

ส่วนเรื่องค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน ทนายสายหยุดชี้แจงว่า อย่ามองแค่เรื่องการออกแบบ เพราะเจ๊อ้อยตกลงกับทนายตั้มให้เข้ามาดูทั้งโครงการ มูลค่าโครงการ 160 ล้าน ในช่วงนั้นไม่ได้มีการจ่ายค่าจ้างที่ปรึกษาทนายเดือนละ 3 แสนบาทแล้วด้วย ทนายตั้มจึงต้องเดินทางไป-มาปากช่อง ตอนนั้นเสนอราคาค่าออกแบบไป 9 ล้าน จ่ายไป 3.5 ล้าน เงินที่เหลือ 5 ล้านอยู่ที่ทนายตั้ม ยังไม่ได้คืน เพราะช่วงนั้นไม่ได้คุยเพราะบาดหมางกัน เจ๊อ้อยสั่งไม่ให้ทนายตั้มเข้าพื้นที่ และไม่มีการทวงเงิน 5 ล้านคืน

ทนายสายหยุด ซึ่งให้สัมภาษณ์ก่อนที่ศาลอาญาจะอนุญาตฝากขัง และไม่ให้ประกันตัวภรรยาของทนายตั้มที่ยื่นขอประกันตัวไปคนเดียว ระบุว่า วันนี้ยังไม่ยื่นประกันตัวทนายตั้มเพราะเอกสารยังไม่พร้อม หากเอกสารพร้อมและมีความมั่นใจว่าจะได้ประกันตัว จึงจะยื่นประกัน โดยจะยื่นประกันตัวเฉพาะคุณเดือน ภรรยาทนายตั้มเท่านั้น ทั้งนี้ข้อหาที่คุณเดือนได้รับ คือ สมคบร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งไม่ใช่ข้อหาฉ้อโกง 

ทนายสายหยุดกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนได้คุยกับคุณเดือน ทางคุณเดือนยอมรับว่า ที่มีเส้นเงินต่างๆ โอนมาที่เธอ เพราะมีความกังวลเรื่องทนายตั้มเจ้าชู้ กลัวว่าจะไปโอนให้คนอื่นๆ หมด ส่วนเรื่องบ้านราคา 30 ล้านนิดๆ จองไว้นานแล้ว ก่อนที่จะได้เงินจากเจ๊อ้อย แต่เพิ่งโอน