เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2567 พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กว่าอย่าลืมเรื่องนี้นะครับ เพราะตอนนี้มีการปล่อยของออกมาหลายเรื่องมากเพื่อลดความสนใจในเรื่องนี้ครับ ขออีกสักครั้งครับ แล้วจะไม่พูดถึงอีก

ประเทศกัมพูชานั้น กำหนดพื้นที่ทางทะเลตามใจตัวเอง พยายามอิงกฏหมายโบราณ คือ สนธิสัญญา สยาม-ฝรั่งเศส ในสมัย ในหลวงรัชกาลที่ 5 เพื่อให้เชื่อมไปถึงเรื่อง “สิทธิทางประวัติศาสตร์” ทั้งๆที่ในสมัย ร.5 ยังไม่มีเรื่องไหล่ทวีปขึ้นมาเลย

ส่วนไทยใช้กฏหมายทางทะเล ตามสหประชาชาติ และยังยอมรับอนุสัญญาทางทะเล ค.ศ. 1982(UNCLOS) อีกด้วย

ดังนั้นกัมพูชากับไทย จึงใช้กฏหมายคนละฉบับกัน เปรียบได้ว่า ไทยใช้กติกามวยสากล แต่กัมพูชาใช้มวยวัด เจรจากันอย่างไรก็หาข้อยุติไม่ได้ครับ

ใน MOU 44 ระบุให้พูดคุยกัน 2 เรื่อง คือ (1)เรื่องอาณาเขตทางทะเล และ (2) การผลประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ที่ทับซ้อนกัน

การเจรจากันแบบนี้ จึงเป็นเรื่องตลกมากๆ เพราะ เรื่องที่1 เรื่องอาณาเขตทางทะเล นั้นเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า พูดให้ตายไทยก็ยอมรับอาณาเขตที่กัมพูชากำหนดไม่ได้ ติดคุกกันเป็นแถว ดังนั้นกัมพูชา จึงเบี่ยงไปพูดกันในเรื่องที่ 2 เรื่องการหาประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนเท่านั้น ซึ่งถ้าไทย ไปยอมพูดเฉพาะเรื่องนี้ ก็จะเข้าทางกัมพูชาทันที เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับอาณาเขตทางทะเลที่กัมพูชากำหนดโดยปริยาย(จะใช้มาตราฐานอะไรในการแบ่งผลประโยชน์ ถ้าไม่รู้ว่าเขตพื้นที่เป็นของใคร) แหม..ช่างเหมือนสมัยเขาพระวิหารเลย

จะทำอย่างไร ไทยถึงจะไม่เสียเปรียบกัมพูชา ผมขอให้ไปอ่านเรื่องของ ดร.นิวส์ต่อ ตามภาพที่แนบมาครับ