“ทรัมป์” คืนชีพสู่ทำเนียบขาว

โดนัลด์ ทรัมป์ กลับคืนสู่ทำเนียบขาวสำเร็จ หลังมีชัยชนะเหนือ กมลา แฮร์ริส ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทำให้เขากลายเป็นอดีตประธานาธิบดีคนที่ 2 ที่ได้รับเลือกกลับมาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 แบบสมัยไม่ต่อเนื่องกัน ต่อจากโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในปี 1892

“ทรัมป์”สร้างความตกตะลึงให้กับโลก เมื่อเขากลับมาสู่การเมืองอีกครั้ง หลังจากที่เขาเคยพ่ายแพ้ให้กับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 ขณะที่การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯในวาระแรกนั้น จบไม่ค่อยสวนนัก โดยถูกประณามแม้แต่จากสมาชิกพรรคของเขาเอง และมีคดีความอื้อฉาวมากที่สุด

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อชะตากรรมของสหรัฐ ชะตากรรมโลก และชะตากรรมของตัวเขาเอง  ที่อาจส่งผลให้คดีอาญาที่เขาถูกฟ้องร้องอยู่ อาจได้รับการยกฟ้อง หรือเลื่อนออกไป

“ทรัมป์” มีชื่อเต็มว่า โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ วัย 78 ปี มาจากครอบครัวธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  หลังเรียนจบ ทรัมป์ได้เข้าไปช่วยธุรกิจของครอบครัวที่นิวยอร์ก และสืบทอดกิจการเต็มตัวในปี 1971 พร้อมขยับขยายธุรกิจออกไปยังมลรัฐต่าง ๆ และยังขยายธุรกิจให้มีความหลากหลาย ทั้ง โรงแรม รีสอร์ต ที่พักอาศัย กาสิโน อาคารพาณิชย์ และสนามกอล์ฟ

“ทรัมป์”ออกหนังสือให้คำแนะนำทางธุรกิจหลายเล่ม เป็นเจ้าของสิทธิเวทีประกวดนางงามจักรวาล (Miss Universe), นางงามสหรัฐ (Miss USA) และมิสทีนยูเอสเอ (Miss Teen USA) ตั้งแต่ปี 1996 ถึงปี 2015 อีกด้วย

ก่อนสยายปีกไปสู่อุตสาหกรรมบันเทิงด้วยรายการทีวี ดิ แอพเพรนทิซ ตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2005 ซึ่งเขาเป็นพิธีกรและให้ผู้เข้าร่วมรายการแข่งขันกันแย่งชิงสัญญาจ้างงานในเครือธุรกิจของเขา โดยมีประโยคเด็ดแก่ผู้ตกรอบว่า “คุณถูกไล่ออกแล้ว” (You’re fired)

แต่ถึงแม้จะประสบความเร็จทางด้านธุรกิจมากมาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า กิจการของ “ทรัมป์” เคยล้มละลายมากถึง 6 ครั้ง เนื่องจากมีการกู้ยืมมากเกินไป เพียงแต่เป็นการล้มละลายในนามนิติบุคคล

ก่อนที่จะโดดลงสู่สนามการเมืองในปี 2000 หยั่งเชิงแข่งขันแย่งสิทธิในการเป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีมาก่อนแล้วหลายครั้งกับพรรคปฏิรูป  และในปี 2012 ย้ายมาสังกัดพรรครีพับลิกันได้รับความนิยมสูง กระทั่งปี 2016 เขาก็ประสบความสำเร็จสามรถคว้าชัยชนะ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45

ก่อนที่จะพ่ายแพ้ให้กับ โจ ไบเดน  ในปี 2020  แต่เมื่อเขากลับมาอีกครั้งในนัดล้างตาระหว่างเขากับ  โจ ไบเดน ฝ่ายหลังถอนตัวออกไปเพราะถูกกระแสกดดัน แล้วหันมาสนับสนุน “กมลา” ก่อนที่จะพ่ายแพ้ไป