ครอบครัว "พิลาศรัมย์" เศร้ารอรับร่างหนุ่มแรงงานเสียชีวิตจากเหตุสู้รบที่อิสราเอลกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ค่ำวันนี้ 8 พ.ย.67 ท่ามกลางความโศกเศร้า เมียซื้อเสื้อกางเกงที่สามีชอบใส่ และแม่เตรียมผ้าไหมทอเองไว้ให้ลูกชาย พี่สาวฝันเห็นหญิงแต่งชุดขาวและช้างตัวใหญ่นำขบวนศพคืนก่อนที่ จนท.จะแจ้งกำหนดการส่งร่างกลับ
(8 พ.ย.67) บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 129/1 บ้านหนองพลวง ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ นายประหยัด พิลาศรัมย์ อายุ 42 ปี หนึ่งแรงงานไทยที่โดนระเบิดจากเหตุสู้รบ ทางตอนเหนือของประเทศอิสราเอล เสียชีวิตพร้อมกับแรงงานไทยและนายจ้างอิสราเอล รวม 4 ศพ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ก็ได้มีเจ้าหน้าที่จากทางอำเภอกระสัง อบต.ลำดวน ทหารจาก มทบ.26 ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน มาช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ ทั้งเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ดอกไม้หน้าโลงศพ เพื่อรอรับร่างนายประหยัด พิลาศรัมย์ กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว
ขณะเดียวกันก็มีญาติและชาวบ้านทยอยเดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภรรยาได้เตรียมเสื้อผ้าที่สามีชอบไว้รอรับสามี ส่วนแม่วัย 70 ปี ก็เตรียมสะโหร่งผ้าไหมที่ทอเองกับมือไว้ให้ลูกชายด้วยเช่นกัน
โดยตามกำหนดการที่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งกับทางครอบครัว คือ ทางการอิสราเอลจะส่งร่างนายประหยัด และแรงงานไทยอีก 2 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันรวม 3 ศพ มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 14.00 น. วันนี้ 8 พ.ย.67 และจะมีการเคลื่อนศพออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 17.00 น. มาถึงบ้านเกิดที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เวลาประมาณ 21.00 น.
น.ส.ประไพ บุหงา อายุ 40 ปี ภรรยา ระบุว่า ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้กินไม่ค่อยได้นอนก็ไม่ค่อยหลับ ที่ต้องสูญเสียสามีอันเป็นที่รักและเป็นเสาหลักคนเดียวที่ดูแลครอบครัว แต่หลังจากทราบข่าวว่าจะมีการนำร่างสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านก็มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้รอรับ ส่วนตัวก็ได้ซื้อเสื้อและกางเกงที่สามีชอบใส่ไว้รอรับสามีด้วย ก็เป็นสิ่งที่ตั้งใจทำให้สามีเป็นครั้งสุดท้ายเพราะที่ผ่านมาเรื่องเสื้อผ้าจะเป็นคนดูแลให้สามีตลอด ส่วนสามีเป็นคนเรียบง่ายเมียซื้ออะไรให้ก็ใส่ สิ่งที่กังวลหลังจากสูญเสียสามีคือต้องแลลูกอีก 3 คน รวมถึงพ่อแม่ทั้งฝั่งของตนเอง และพ่อแม่ของสามีด้วยซึ่งต่างก็สูงอายุแล้ว ก็ยังไม่รู้จะทำยังไงต่อเพราะที่ผ่านมาตนมีหน้าที่อยู่บ้านดูแลลูกทั้ง 3 คน ส่วนสามีเป็นเสาหลักไปทำงานส่งเสียครอบครัว หลังจากเสร็จงานศพสามีก็จะต้องวางแผนว่าจะหางานเพื่อเลี้ยงดูลูกต่อไป ก็อยากให้ทางภาครัฐช่วยเหลือเพราะนอกจากค่าเล่าเรียนลูกแล้ว ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายรายวัน
ด้าน นางสุลาภรณ์ พี่สาวนายประหยัด ก็บอกว่า ช่วงแรกที่ทราบข่าวว่าน้องโดนระเบิดเสียชีวิตที่อิสราเอล ก็ถึงกับช็อกทำอะไรไม่ถูก หลังจากมีญาติพี่น้องหน่วยงานราชการ และชาวบ้านมาให้กำลังใจอย่างต่อเนื่อง สภาพจิตใจก็เริ่มดีขึ้นและต้องทำใจให้เข้มแข็ง เพราะมีพี่น้องกันแค่ 2 คน หลังสูญน้องแล้วก็ต้องทำหน้าที่ดูแลครอบครัวแทนน้อง ซึ่งเมื่อคืนวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนเองฝันว่าน้องชายถูกบรรจุในโลงสีขาวมาพร้อมศพ 3 ศพ โดยในฝันจะมีผู้หญิง 2 คน นุ่งขาวห่มขาว คนหนึ่งถือพานใส่ดอกไม้ อีกคนถือพานใส่แป้งสีขาวที่ใช้โรยศพน้อง ซึ่งในความฝันร่างน้องดูดีมากถูกโรยด้วยดอกไม้สีขาว โดยมีช้างตัวใหญ่เดินนำหน้าขบวนศพของน้อง ซึ่งวันที่ฝันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศพน้องจะกลับมาถึงวันไหน พอตื่นจากความฝันก็มาเล่าให้แม่และภรรยาของน้องฟังเกี่ยวกับความฝัน และยังพูดว่าสงสัยศพน้องใกล้จะกลับมาถึงบ้านแล้ว หลังจากนั้น ช่วงค่ำวันที่ 6 พ.ย.67 ก็มีเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่า จากความฝันดังกล่าวก็เชื่อว่าน้องน่าจะอยากมาสื่อสารให้รับรู้ว่าจะได้กลับบ้านแล้ว