ตำรวจบุกรวบ “ทนายตั้ม-เมีย” คดีฉ้อโกง “เจ๊อ้อย” เศรษฐีนีหมื่นล้าน หลังขับรถหรูซิ่งข้ามจังหวัดชายแดน ก่อนจนมุมจนท.หิ้วตัวเค้นสอบกองปราบฯ พร้อมคัดค้านประกันตัว เหตุอัตราโทษสูง “อัจฉริยะ” แฉทนายคนดังวิ่งอัยการได้ ชี้ทำตัวเป็นโจรในคราบนักกฎหมาย จ่อเปิดคดีที่ 5 แต่ต้องดูก่อน “เจ๊อ้อย” ติดใจหรือไม่ เมินเกรียนคียบอร์ดด่าคบไม่ได้ 

จากกรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ขอศาลออกหมายจับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในข้อหา ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน นอกจากนี้ยังขอศาลออกหมายจับ  นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ในคดีหลอกลวงเงิน นางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พ.ย.67 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้นำกำลังเข้าจับกุม นายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.2567 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน รวมถึงจับกุม นางปทิตตา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน หลังพบหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ขณะที่พากันขับขี่รถเก๋งปอร์เช่รุ่น Cayenne สีน้ำตาล ทะเบียน ธก 999 กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ คาดว่านายษิทรากำลังขับรถมุ่งหน้าไป จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะสามารถข้ามไปชายแดนได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาได้อ้างว่ากำลังจะเดินทางไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งเท่านั้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะนำตัวไปสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย 
ต่อมา เวลา 13.45 น. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ป. ได้คุมตัวทนายตั้มพร้อมภรรยามาถึง โดยทนายตั้มมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนภรรยามีการปกปิดใบหน้า ด้วยแว่นกันแดดสีดำและสวมแมสก์ โดยปฎิเสธตอบคำถามสื่อมวลชน  เบื้องต้นในชั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เนื่องจากคดีดังกล่าวมีอัตราโทษสูง


ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจออกหมายจับประเด็นที่นายษิทราหลอกลวงเจ๊อ้อย ว่า เรื่องนี้พฤติกรรมเขาร้ายแรง และยอดความเสียหายก็มีจำนวนมาก พฤติการณ์ที่หลอกลวงเจ๊อ้อย เป็นพฤติการณ์ที่คนมีความรู้ด้านกฎหมาย แต่กลับทำตัวเป็นโจรในคาบนักกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นพฤติกรรมที่เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด ทั้งนี้ ตนมองว่าตำรวจก็เฝ้าเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พ.ย.แล้ว จากที่ได้รับรู้ข้อมูลมาวันนี้ยังไงนายษิทราและภรรยาก็ไม่รอด วันนี้น่าจะเรียบร้อย และยืนยันว่านายษิทราจะไม่ได้รับการประกันตัว เพราะหากปล่อยตัวอาจจะเข้าไปข่มขู่พยานหลักฐานได้


อย่างไรก็ตาม ตนเตรียมจะเปิดคดีที่ 5 แต่ไม่ทราบว่านางจตุพรติดใจที่จะดำเนินคดีการออกแบบบ้านส่วนตัวของสามีหรือไม่ ซึ่งเป็นอีกคดีที่อาจจะเข้าข่ายการปลอมเอกสาร แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกันอยู่ ส่วนเรื่องรายละเอียดความเสียหายทั้งหมดนั้น ตนยังไม่ขอยืนยันตัวเลข เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เรื่องที่นายษิทรารับเงินนั้นมีพยานหลักฐานที่ยืนยันชัดเจน


นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการจับมือกับนายษิทรานั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นี่เป็นเรื่องส่วนรวม หากตนรู้แล้วไม่พูดก็เหมือนว่าตนช่วยนายษิทราทางอ้อม ตนพูดเสมอว่าอะไรที่เขาทำผิดก็ต้องรับโทษทางกฎหมาย ส่วนคนที่บอกว่าตนคบไม่ได้นั้น ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไปเกรียนคีย์บอร์ดก็ด่าตนอยู่ดี ย้ำว่าตนทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่เคยโกหกอยู่แล้ว ส่วนคนที่เป็นเอฟซีนั้นยังกินหญ้าอยู่ โดยที่ไม่ได้ดูความจริง ไม่ว่าตนจะทำดีแค่ไหนคนก็ด่าตนอยู่ตลอดอยู่แล้ว
“ผมรู้ว่าเขาวิ่งอัยการได้ แล้วอัยการคนไหนผมก็รู้ อัยการคนไหนที่เป็นแบล็กให้ตั้มผมก็รู้ และไม่ใช่แค่ภาคหนึ่ง เดี๋ยวตำรวจน่าจะเปิดภาคสองต่อ ซึ่งตอนแรกเจ๊อ้อยไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เมื่อได้มาพูดคุยกันแล้วจึงเข้าใจว่าถูกหลอกมาโดยตลอด”