"บีซีพีจี" เผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 67 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 1,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 29.6 ขณะที่ไตรมาสที่ 3/2567 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าอย่างมากของสกุลเงินบาทเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานปกติ ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ ยังคงมีกำไรที่ 453 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 356 จากไตรมาส 2/2567
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.67 นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิที่ 1,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 29.6 สำหรับงวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,125 ล้านบาท สูงขึ้นจากไตรมาสที่ 2/2567 ร้อยละ 3.8 จากปัจจัยสำคัญๆ ได้แก่ รายได้ที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำในสปป. ลาวเนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูกาล (High Season) ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เต็มกำลัง และรายได้ที่เพิ่มขึ้นของโครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือในประเทศไทยที่กลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 ซึ่งรายได้ที่กล่าวถึงสามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงจากอัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ที่หมดไป และจากการขายโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีการเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน จากการจัดการแผนการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง กล่าวคือ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติที่ 453 ล้านบาท หรือเติบโตถึงร้อยละ 356 จากไตรมาสที่ 2/2567
“ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินบาท ส่งผลให้บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาท จากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากจาก 36.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น 32.29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในปลายไตรมาสที่ 3 ได้ส่งผลให้บริษัทฯ ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่ 480 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง จากการแปลงค่าสินทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ” นายนิวัติกล่าวเพิ่มเติม