วันที่ 7 พ.ย.2567 เวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจออกหมายจับประเด็นที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลอกลวงนางจตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ว่า เรื่องนี้พฤติกรรมเขาร้ายแรง และยอดความเสียหายก็มีจำนวนมาก พฤติการณ์ที่หลอกลวงเจ๊อ้อย เป็นพฤติการณ์ที่คนมีความรู้ด้านกฎหมาย แต่กลับทำตัวเป็นโจรในคาบนักกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นพฤติกรรมที่เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเกิด ทั้งนี้ ตนมองว่าตำรวจก็เฝ้าเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนแล้ว จากที่ได้รับรู้ข้อมูลมาวันนี้ยังไงนายษิทราและภรรยาก็ไม่รอด วันนี้น่าจะเรียบร้อย และยืนยันว่านายษิทราจะไม่ได้รับการประกันตัว เพราะหากปล่อยตัวอาจจะเข้าไปข่มขู่พยานหลักฐานได้

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ตนเตรียมจะเปิดคดีที่ 5 แต่ไม่ทราบว่านางจตุพรติดใจที่จะดำเนินคดีการออกแบบบ้านส่วนตัวของสามีหรือไม่ ซึ่งเป็นอีกคดีที่อาจจะเข้าข่ายการปลอมเอกสาร แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกันอยู่ ส่วนเรื่องรายละเอียดความเสียหายทั้งหมดนั้น ตนยังไม่ขอยืนยันตัวเลข เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เรื่องที่นายษิทรารับเงินนั้นมีพยานหลักฐานที่ยืนยันชัดเจน

นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการจับมือกับนายษิทรานั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่นี่เป็นเรื่องส่วนรวม หากตนรู้แล้วไม่พูดก็เหมือนว่าตนช่วยนายษิทราทางอ้อม ตนพูดเสมอว่าอะไรที่เขาทำผิดก็ต้องรับโทษทางกฎหมาย ส่วนคนที่บอกว่าตนคบไม่ได้นั้น ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไปเกรียนคีย์บอร์ดก็ด่าตนอยู่ดี ย้ำว่าตนทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่เคยโกหกอยู่แล้ว ส่วนคนที่เป็นเอฟซีนั้นยังกินหญ้าอยู่ โดยที่ไม่ได้ดูความจริง ไม่ว่าตนจะทำดีแค่ไหนคนก็ด่าตนอยู่ตลอดอยู่แล้ว

“ผมรู้ว่าเขาวิ่งอัยการได้ แล้วอัยการคนไหนผมก็รู้ อัยการคนไหนที่เป็นแบ็คให้ตั้มผมก็รู้ และไม่ใช่แค่ภาคหนึ่ง เดี๋ยวตำรวจน่าจะเปิดภาคสองต่อ ซึ่งตอนแรกเจ๊อ้อยไม่เข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เมื่อได้มาพูดคุยกันแล้วจึงเข้าใจว่าถูกหลอกมาโดยตลอด ทั้งนี้หากตั้มเป็นลูกผู้ชายจริงเขาต้องมามอบตัว และมั่นใจว่าจะจับตั้มได้ภายในวันนี้ ขออย่าหนี บอกมีหลักฐานก็ให้มามอบตัว” นายอัจฉริยะ กล่าว