เมื่อเวลา 11.15 น.วันที่ 7 พ.ย. 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันระหว่างสส.และสว.เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ (ฉบับที่ … ) พ.ศ.… เสนอให้ทำประชามติชั้นครึ่งว่า ตนก็ไม่เข้าใจ เพราะจริงๆจะสองชั้นหรือชั้นครึ่ง เรื่องใหญ่มันอยู่ที่ชั้นแรกที่ระบุว่าเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะถ้าไปใช้วิธีเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิจะเท่ากับว่าคนที่ไม่มาใช้สิทธิหรือไม่ประสงค์จะลงคะแนนถูกนับไปด้วยว่าเป็นคนไม่เห็นชอบ และเท่ากับค้านการทำประชามติ

 

“ดังนั้นชั้นแรกถือว่าสำคัญที่สุด เราถึงบอกว่ามันไม่ควรมี ควรเอาเสียงข้างมากธรรมดาเท่านั้น เป็นเรื่องที่คณะทำงานและพรรค พท. ตอนที่เราทำกฎหมายประชามติเราจึงยืนยันจุดนี้ แล้วสภาผู้แทนราษฎรก็ยืนยันจุดนี้แบบเอกฉันท์ว่าให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดา ดังนั้นที่นายนิกร พูดว่าชั้นครึ่งนั้น ผมก็ไม่ทราบ แต่เห็นว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ส่วนตัวให้ความสำคัญกับชั้นแรกมากกว่า” นายชูศักดิ์ กล่าว

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการประนีประนอมกับความเห็นที่ไม่ตรงกันหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่รู้ว่ามันจะลงเอยอย่างไร เพราะถ้าไม่ผ่านชั้นแรกก็ถือว่าจบไปแล้ว ชั้นที่สองไม่ต้องมาคิดอะไรกันแล้ว จะชั้นครึ่งหรือครึ่งชั้นถ้าไม่ผ่านชั้นแรกก็จบ ตนจึงให้ความสำคัญกับชั้นแรกมากกว่า

 

เมื่อถามว่า เรื่องนี้ต้องคุยกันอีกทีหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกมธ. แต่ในส่วนของพรรค พท.มุ่งมั่น เพราะเรามีนโยบายไปแล้วว่าจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราอยากจะผลักดันเต็มที่ แต่จะผลักดันได้มากน้อยแค่ไหนค่อยว่ากันอีกที

 

เมื่อถามว่า จะทันในรัฐบาลชุดนี้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า จะพยายามทำให้ดีที่สุด ทันหรือไม่ทันอย่างไรค่อยว่ากันอีกที แต่จะพยายาม อย่างน้อยที่สุดได้แสดงความตั้งใจว่ารัฐบาลนี้ต้องการจะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)” นายชูศักดิ์ กล่าว