“สส.ทสท.” จี้รัฐเร่งหามาตรการช่วยชาวนา จับตา 8 พ.ย.ชี้ชะตาชาวนาไทย  อัดฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลแต่ไม่เคยประชุม “นบข.” สักครั้ง ปล่อยยืดเยื้อจนราคาร่วง  ถามความชัดเจนค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท มาตรการชะลอการขายข้าว สินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก ช่วยสหกรณ์การเกษตร ยังมีอยู่หรือไม่

วันที่ 6 พ.ย.67 นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เปิดเผยว่า ตนได้ทวงถามรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ว่าในฤดูกาลเพระปลูก 2567/2568 จะมีมาตรการในการดูแลช่วยเหลือพี่น้องชาวนาอย่างไร หลังจากผลผลิตข้าวเริ่มออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะมาตรการชะลอการขาย และสินเชื่อรวบรวมข้าวเปลือก จึงทำให้การช่วยเหลือดูแล พี่น้องชาวนาเป็นไปอย่างล่าช้า และกลายเป็นช่องว่างให้กลุ่มผู้ค้านายทุน ร่วมมือกันกดราคาข้าวให้ต่ำลง ขณะที่สหกรณ์การเกษตร ซึ่งทำหน้าที่รับซื้อข้าวจากพี่น้องชาวนา ก็รอฟังความชัดเจนจากรัฐบาล โดยเฉพาะงบประมาณในการสนับสนุน และสินเชื่อต่างๆ ที่จะเข้ามาเสริมสภาพคล่องและสนับสนุนการรับซื้อข้าว เพื่อเป็นกลไกในการซื้อนำราคาตลาด ให้ราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมพี่น้องชาวนาไม่ขาดทุนและสามารถอยู่ได้

นายชัชวาล กล่าวต่อว่า ในส่วนของการผลิต ทีมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบนั้น ก่อนหน้ามีมาตรการ “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ออกมา แต่ไม่ตอบโจทย์พี่น้องชาวนา เกษตรกรออกมาต่อต้านและยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ รวมถึงมาตรการที่พี่น้องชาวนาเรียกร้องคือการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท จะยังมีอยู่หรือไม่ เพราะที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่เคยมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร และจากการติดตาม ทราบว่าทั้งสองมาตรการจะไม่ถูกหยิบยกมาพูดคุยในการประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ด้วย

นายชัชวาล กล่าวต่อว่า ดังนั้นตนขอเรียกร้องความชัดเจนจากรัฐบาล ทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าจะดำเนินการอย่างไร พร้อมเชิญชวนพี่น้องเกษตรกร พี่น้องชาวนา ร่วมกันติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติในวันที่ 8 พ.ย.นี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากไม่มีความชัดเจน นโยบายหรือมาตรการในการสนับสนุน พี่น้องชาวนาไม่ถูกส่งเข้า สู่การประชุมของคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะทำให้การช่วยเหลือไม่ทันการ ทั้งที่มีการตั้งรัฐบาลแพทองธารมาแล้วกว่า 2 เดือน แต่ไม่เคยมีการประชุม นบข.เลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 8  พ.ย.นี้ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง