"ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง-อี้แทนคุณ" พาผู้เสียหายร้อง ก.ยุติธรรมกรณีให้ทนายธรรมราชว่าความแต่ถูกหลอกเอารถไปจำนำ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 พ.ย. 67 ที่กระทรวงยุติธรรม อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ พร้อม นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ต้นอ้อเป็นหนึ่ง ได้พาผู้เสียหายจากกรณีที่ทนายชื่อดังหลอกลวงให้ทางผู้เสียหายนำรถไปจำนำกับญาติของทนาย โดยก่อนหน้านี้พ่อผู้เสียหายต้องการเอารถไปจำนำกับไฟแนนท์ เมื่อเห็นทนายคนดังกล่าวผ่านทีวีจึงอยากติดต่อให้มาว่าความให้ แต่ไม่มีเงินจ้างว่าความ ทางทนายจึงแนะนำให้เอารถไปจำนำกับญาติทนายที่ จ.สระแก้ว เมื่อไปถึงกลับพบว่าไม่ใช่ไฟแนนท์หรือธนาคาร แต่เป็นลานมันสำปะหลัง แต่เนื่องจากจำเป็นต้องใช้เงินจึงยอมจำนำไปได้เงินมา 40,000 บาท แต่ถูกหักค่าดอกเบี้ย 4,000 บาท จากนั้นนำเงินไปให้ทนายที่ ปตท.จังหวัดสระแก้วอีก 12,000 บาทเป็นค่าจ้างทนาย ส่วนผู้เสียหายได้รับเงินไป 20,000 กว่าบาท หลังจากนั้นก็มีการต่อสู้คดีกันในชั้นศาล แต่รถคันดังกล่าวถูกศาลสั่งยึดรถ ปรากฎว่าเมื่อพยายามติดต่อทนายไปก็ไม่สามารถติดต่อได้จนผ่านไป 2 ปี จนศาลมีคำสั่งให้กรมบังคับคดียึดบ้าน เมื่อติดต่อทนายไปเขากลับแนะนำให้มีการขายทอดตลาดก่อนแล้วค่อยไปไถ่บ้านคืน สุดท้ายแล้วทำให้ต้องสุญเสียบ้านไป พร้อมกับรถยนตร์ก่อนหน้านี้ 1 คัน
ด้านนางสาวชลิดา ต้นอ้อ เผยว่า กรณีที่มีการกล่าวหาว่าผู้เสียหายถูกตนจ้างมาให้ร้องเรียน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง นั่นเท่ากับว่าทนายคนดังกล่าวดูถูกอดีตลูกความของตนเอง ผู้เสียหายไม่ได้ต้องการแสง จึงเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งตั้งข้อสังเกตุว่าการที่นำรถผู้เสียหายไปจำนำในพื้นที่ จ.สระแก้ว นั้นมีเหตุผลอะไร เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดชายแดน ซึ่งมีประวัติว่ามีการลักลอบนำรถเข้าออกตามแนวชายแดน จึงอยากให้กองปราบฯ มาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ผู้เสียหาย ระบุว่า เรื่องดังกล่าวได้แจ้งความไว้ที่กองปราบแล้ว ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับทนายคนดัง ยอมรับว่าได้แนะนำให้ไปจำนำจริงๆ แต่ผู้เสียหายไม่รับผิดชอบเรื่องค่าเสียหายและค่าน้ำมัน พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายมาแก้ข่าวที่เผยแพร่ไป ลักษณะเหมือนการข่มขู่ ยอมรับว่าที่ผ่านมาจ่ายค่าจ้างทนายเป็นเงินสด ไม่มีสัญญา ในวงเงิน 12,000 บาทรวมทั้งค่าน้ำมันทุกครั้งที่นัดขึ้นศาล แต่เมื่อตัองขึ้นศาลทนายคนดีงกล่าวไม่มีขึ้นศาลปล่อยให้ผู้เสียหายขึ้นศาลเพียงลำพัง นอกจากนี้มองว่าบริษัทริชซิ่งดังกล่าวเชื่อมโยงกับทนายหรือไม่ เพราะเมื่อผู้เสียหายไปทวงถามเรื่องสัญญากลับถูกบ่ายเบี่ยง ไม่มีการมอบเอกสารสัญญาให้ รวมทั้งเรื่องการทำสัญญากู้เงิน เดิมทีกู้เพียง 100,000 บาท สุดท้ายในสัญญาระบุมา 350,000 บาท กระทั่งมีหมายศาลมาหาพี่สาวให้ชำระหนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีบุคคลค้ำประกันเลย แต่เมื่อหมายศาลมาพบว่าในสัญญามีชื่อพี่สาวและเพื่อนเป็นผู้ค้ำประกัน ยอมรับไม่มีการทำสัญญาว่างจ้างทนาย การจ่ายเงินก็จ่ายเป็นเงินสด ไม่มีการโอนเงิน