ตามที่สยามรัฐ ได้มีการนำเสนอข่าวกรณี มีกลุ่มชาวบ้าน ประมาณ 10 กว่าคนเดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัด เพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย คัดค้านกรณีผู้ประกอบการเอกชนแห่งหนึ่ง ขนถ่านหินลิกไนต์มากองพักไว้ในหมู่บ้าน ทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบด้านสุขภาพและการดำเนินชีวิต
 
จากการติดตามตรวจสอบข้อมูลเรื่องดังกล่าวในเวลาต่อมา พบว่าได้มีการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ทำให้มีการเข้าใจผิด โดยทีมงานผู้สื่อข่าวสยามรัฐ ได้รับการประสานจากผู้บริหารของบริษัทฯเอกชนเจ้าของกิจการขนถ่ายถ่านหินลิกไนต์ขอชี้แจงให้ข้อมูลว่า ก่อนจะปรากฏเป็นข่าวในเว็ปไซต์ ในวันที่ 20 ส.ค.67 นั้น ได้มีชาวบ้านไปร้องเรียนที่เทศบาลตำบลสถานและที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเชียงของมาก่อนแล้ว ซึ่งทางอำเภอฯได้ตั้งคณะกรรมการลงมาตรวจสอบ และให้ผู้ประกอบการทำการปรับปรุงกิจการ เพื่อเพิ่มมาตราการป้องกันซึ่งทางบริษัทได้ดำเนินการ และได้ขอให้คณะกรรมการได้เข้ามาตรวจซ้ำ ก็ไม่พบปัญหาตามที่ได้มีการร้องเรียน แต่กลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านก็พากันไปประท้วงและร้องเรียนนายอำเภอเชียงของ อีกครั้งในวันที่ 1 ก.ค.67 และไปร้องเรียนที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย จึงปรากฏเป็นข่าวและมีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลและสื่อสำนักข่าวอื่นๆนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

เป็นเหตุให้นายอำเภอเชียงของ ประสานไปยังสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงรายและสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ ที่ 1 (เชียงใหม่) ลงพื้นที่ตรวจสอบ ร่วมกับคณะกรรมการของอำเภอฯ ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ไม่ปรากฏผลปัญหาตามที่มีการร้องเรียนแต่อย่างใด ซึ่งผลการตรวจของคณะกรรมการทั้ง 2 ครั้งไม่มี ทราบว่ามีการแจ้งประสานชี้แจงให้ชาวบ้านเขาเข้าใจด้วยหรือไม่ จนมีการไปยื่นหนังสือที่จังหวัดฯ มีการเดินขบวนประท้วงอีก ในวันที่ 20 ส.ค. 67 และมีการถือป้ายมาประท้วงที่หน้าลานฯในวันที่ 22 ส.ค. 67 จนมีการนำเสนอข่าว

โดยล่าสุด ทางบริษัทได้ทำหนังสือเชิญ คณะกรรมการมาตรวจสอบ อีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 67 ซึ่งทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบว่าทางสถานประกอบการได้มีมาตรการการดำเนินงานและป้องกัน เป็นไปตามข้อกำหนดทุกอย่าง

ด้านผู้ประกอบการ กล่าวว่า “ทางบริษัทฯได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบ วิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้องทุกอย่าง มีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้อง มีการเข้ามาตรวจสอบหน้างานตามข้อร้องเรียนถึง 3 ครั้ง ก็ไม่พบว่ามีอะไร ตามที่ถูกร้องเรียน ซึ่งหากชาวบ้านได้รับผลกระทบจริง ทางบริษัทฯ ก็ยินดีและพร้อมที่จะปรับปรุงและเพิ่มมาตราการป้องกัน เนื่องจากที่ผ่านมาได้ดำเนินกิจการมากว่า 3 ปี ได้ดำเนินกิจการอย่างถูกต้องและคำนึงถึงผลกระทบต่อชาวบ้านมาโดยตลอด ทางบริษัทฯ หวั่นว่าการร้องเรียนครั้งนี้มีนัยยะอื่นแอบแฝงหรือมีผู้เสียผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังหรือไม่ จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย”