เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 5 พ.ย.67 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.บุญยนุช แสงศรี หรือ แอดมินเพจ “ออยศรีและผองเผือก“ เดินทางเข้าพบ พงส.กก.3 บก.ป. (พนักงานสอบสวนกองกำกับ การ 3 กองบังคับการปราบปราม) เพื่อให้ปากคำคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม
ออยศรี เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีการติดต่อประสานหาตนเมื่อคืนให้เข้ามาให้ปากคำเกี่ยวกับคดีทนายตั้ม แต่ส่วนจะเป็นการให้ปากคำในประเด็นใดนั้นตนก็ไม่สามารถตอบได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าตำรวจอาจจะอยากให้ตนแนะนำบุคคลที่มีความใกล้ชิดหรือรู้ข้อมูลของทนายตั้ม เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกตัวมาเป็นพยานหรือมาสอบปากคำ ที่ผ่านมาตนวิพากษ์วิจารณ์ทนายตั้มในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้มีอคติใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่วิพากษ์วิจารณ์ไปตามข้อเท็จจริง โดยส่วนตัวมีคนติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนพอสมควร แต่ไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านั้นจะเข้ามาดำเนินการแจ้งความกับทนายตั้มหรือไม่
อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องเงิน 71 ล้านบาท ที่มีการกล่าวอ้างว่าเป็นเงินที่ให้ทนายตั้มโดยเสน่หานั้น ส่วนตัวมองว่าการให้เงินโดยเสน่หา จะต้องไม่มีข้อแม้และไม่มีเงื่อนไข เมื่อมีเงื่อนไขหรือมีข้อแม้นั่นหมายความว่าไม่ใช่การให้โดยเสน่หาแล้ว
โดยเจ้าตัวทนายตั้มเองมีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า “เหตุใดต้องแจ้งความดำเนินคดีกับตัวเองในข้อหาฉ้อโกง ทั้งที่มีใบเสนอราคา” ดังนั้นคำพูดนี้เป็นการบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นการทำข้อตกลง ตนจึงเชื่อว่า น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ไม่ได้ให้เงินทนายตั้มด้วยความเสน่หา
นอกจากนี้ออยศรี ยังระบุอีกว่า ไม่คิดว่าทนายตั้ม จะกล้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินคนอื่นขนาดนี้ เพราะคนที่มีอาชีพเป็นทนายความจะต้องยุ่งกับการว่าความ การเขียนสำนวน และการแก้ต่างในชั้นศาล