แม้ระยะทางตามภูมิศาสตร์อยู่คนละทวีปและห่างไกลกันมากเกือบ 7,700 กิโลเมตร ทว่า ถึง ณ ชั่วโมงนี้ หากการรายงานข่าวเป็นข้อมูลความจริง ก็ไม่ผิดอะไรทหารต่างด้าว กองทัพต่างแดน ได้บุกมาประชิดถึงหน้าประตูบ้านเข้าให้แล้ว

สำหรับ ข่าวคราวทหารที่ว่ากองทัพเกาหลีเหนือ เจ้าของฉายาโสมแดง จากภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้ส่งทหารจำนวนราว 8,000 นาย โดยในจำนวนนี้ก็ทหารระดับหน่วยรบพิเศษนับพันนาย เข้าไปช่วยกองทัพรัสเซีย รบในสงครามยูเครน ซึ่งเป็นสมรภูมิที่อยู่ในทวีปยุโรป ภูมิภาคอันเป็นที่ตั้งของกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู

นอกจากนี้ ก็ยังมีรายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือ ภายใต้การนำของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ก็มีแผนการที่จะส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบในสงครามยูเครนอีก รวมแล้วจำนวนถึง 12,000 นาย และในจำนวนนี้ก็มีหน่วยรบพิเศษของกองทัพเกาหลีเหนือ เข้ามาร่วมสนธิกำลังเพิ่มเติมอีกด้วย

ส่งผลให้ทางอียู นั่งไม่ติด มิอาจนิ่งนอนใจต่อไปได้ ต้องส่งตัวแทนระดับต่างๆ ที่ในชั้นนี้ก็เป็นระดับรัฐมนตรี เจรจากับเหล่าชาติพันธมิตร ซึ่งแน่นอนว่า บรรดาชาติพันธมิตรเหล่านั้น ก็เป็นชาติคู่ปรปักษ์ของเกาหลีเหนือด้วยประการหนึ่ง

เรียกว่า มีปม มีประเด็น ที่ต้องถกกันอยู่แล้ว แต่มาถูกกระตุก กระตุ้นเตือน เร่งเร้าให้ทางอียู และชาติพันธมิตรเหล่านี้ ได้มาเจรจาหารือแบบปัจจุบันทันรวดเร็วยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น “สหรัฐอเมริกา” ชาติพันธมิตรสำคัญของอียู ที่หารือผ่านทางองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต อันองค์การความร่วมมือทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคยุโรป เกี่ยวกับประเด็นเรื่องเกาหลีเหนือส่งทหารช่วยรัสเซียรบในสงครามยูเครนข้างต้น

หลังจากนั้น เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางอียู ก็ได้ส่งคณะผู้แทน ซึ่งนำโดยนายโจเซป บอร์เรลล์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งดูแลด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรป เทียบได้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในประเทศต่างๆ ทั่วไป เดินทางมายังกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น เพื่อเจรจาหารือกับทางการญี่ปุ่น

คณะตัวแทนของสหภาพยุโรป หรืออียู และคณะตัวแทนของญี่ปุ่น หารือร่วมกันเกี่ยวกับข้อกังวลที่มีต่อเกาหลีเหนือส่งทหารไปช่วยรัสเซียรบในสงครามยูเครน ที่กรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น (Photo : AFP)

โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ส่งนายทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาให้การต้อนรับ และเจรจาหารือ โดยมีกรณีเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ส่งทหารไปช่วยกองทัพรัสเซีย รบกับยูเครน เป็นประเด็นสำคัญ

ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงสถานการณ์และบรรยากาศด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นแล้ว ก็ต้องเร่งดำเนินการหารือเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว เนื่องจากญี่ปุ่น ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในชาติคู่ปรปักษ์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีปัญหากันมาตั้งแต่ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่ญี่ปุ่นยกทัพเข้ามารุกรานยึดครองดินแดนเกาหลีในครั้งกระนั้น ต่อเนื่องกันมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2

นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่คณะผู้แทนของสหภาพยุโรป เดินทางมาถึงกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ไม่กี่ชั่วโมง ทางการเกาหลีเหนือ ก็ได้ยิงทดสอบประสิทธิภาพของขีปนาวุธพิสัยไกลระดับข้ามทวีป หรือไอซีบีเอ็ม รุ่นฮวาซอง-19 ซึ่งทางการเกาหลีเหนือ ระบุว่า เป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปแบบฮวาซองรุ่นใหม่ของประเทศ

ยิ่งช่วยเสริมกระตุ้นเตือนให้ทั้งอียู และญี่ปุ่น ได้เร่งเจรจาหารือกันอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะขีปนาวุธ ซึ่งเป็นอาวุธมหาประลัยลูกดังกล่าว ถูกยิงทดสอบประสิทธิภาพไปตกที่ทะเลญี่ปุ่น อันหมายถึงว่า การยิงทดสอบประสิทธิภาพของขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปของเกาหลีเหนือรุ่นนี้ ประสบความสำเร็จด้วยดี

โดยนายบอร์เรลล์ กล่าวว่า พวกเราอาศัยอยู่ในโลกที่เป็นอันตรายอย่างมาก ก่อนกล่าวย้ำว่า พวกเราอาศัยอยู่ในโลกที่มีคู่แข่งกำลังเติบโตขึ้น

ก่อนที่ทั้งนายบอร์เรล นำคณะตัวแทนของอียู เจรจาหารือกับคณะตัวแทนของญี่ปุ่น ที่มีนายอิวายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นเป็นผู้นำคณะในครั้งนี้ โดยผู้นำคณะทั้งสอง คือนายบอร์เรล และนายอิวายา ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า มีความวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง ที่เกาหลีเหนือ ส่งทหารเข้าไปร่วมรบทัพจับศึกกับรัสเซีย ในสมรภูมิสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ในระหว่างนี้ นายบอร์เรล นำคณะตัวแทนของอียู เข้าหารือกับนายเก็น นาคาตานิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ถึงข้อกังวลที่มีต่อปฏิบัติการของกองทัพเกาหลีเหนือข้างต้น

จบที่การหารือของตัวแทนทั้งสองฝ่าย ที่การประณามต่อทั้งเกาหลีเหนือ และรัสเซีย รวมถึงการแสดงพลังสนับสนุนที่มีต่อยูเครน ในการทำสงครามจากชาติผู้รุกรานดังกล่าว ตลอดจนการกรุยทางที่จะนำไปสู่ความร่วมมือด้านกลาโหม กองทัพ อาวุธยุทโธปกรณ์ และการแลกเปลี่ยนข่าวกรองเกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างกัน

ถัดจากนั้น นายบอร์เรล ก็นำคณะตัวแทนอียู ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น ข้ามมายังกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้

นายโจเซป บอร์เรลล์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ฝ่ายกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงแห่งสหภาพยุโรป หรืออียู พบปะกับนายโช แทยุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ ที่กรุงโซล เมืองหลวงของประเทศ (Photo : AFP)

โดยทางฝ่ายเกาหลีใต้ เจ้าของฉายาโสมขาว ได้ส่งนายโช แทยุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มาให้การต้อนรับ และเจรจาหารือร่วมกับคณะตัวแทนของอียู ที่มีนายบอร์เรล เป็นผู้นำ

ทั้งนี้ ทางนายบอร์เรล และคณะ ยังได้เดินทางไปเยี่ยมชมเขตปลอดทหาร หรือดีเอ็มแซต ในบริเวณหมู่บ้านปันมุนจอม ซึ่งเป็นพื้นที่จุดเส้นคั่นแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ

หลังจากนั้น นายบอร์เรล ได้หารือกับนายแทยุล ซึ่งทั้งสองได้แสดงความวิตกกังวลต่อปฏิบัติการของเกาหลีเหนือที่ส่งทหารเข้าไปร่วมรบกับกองทัพรัสเซียในสงครามยูเครน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันแสดงพลังสนับสนุนที่มีต่อยูเครน ซึ่งกำลังเพิ่มความสลับซับซ้อนในสมรภูมิของสงครามที่กำลังเผชิญ

พร้อมกันนี้ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ฝ่ายกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของอียู ก็ได้หยิบยกกรณีของเขตดีเอ็มแซต ขึ้นมาอุทาหรณ์ว่า การได้มาเยี่ยมชมเขตปลอดทหารแห่งนี้ ก็ได้ข้อคิดคติเตือนใจว่า เราต้องลงทุนลงแรงกันให้มากกว่านี้เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพจะบังเกิดขึ้น