วันที่ 5 พ.ย.67 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ระบุว่า...
อะไรคือจุดประสงค์ของการแทรกแซงแบงค์ชาติจากฝ่ายการเมือง
โดย #อัษฎางค์ยมนาค
รัฐบาลที่พยายามส่งคนของตนเข้ามาบริหารหรือควบคุมแบงค์ชาติมักมีจุดประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการบรรลุผลประโยชน์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งบางครั้งอาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของการพัฒนาเศรษฐกิจที่แบงค์ชาติมุ่งหมาย นี่คือเหตุผลหลักบางประการที่รัฐบาลอาจต้องการควบคุมแบงค์ชาติ
1. การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น
รัฐบาลบางครั้งต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยหรือการพิมพ์เงิน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและสนับสนุนการบริโภคและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความนิยมในหมู่ประชาชน รัฐบาลอาจย่อมต้องการให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ยหรือทำให้ค่าเงินอ่อนลงเพื่อส่งเสริมการส่งออกและกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว
2. การจัดการหนี้สาธารณะ
ในกรณีที่รัฐบาลมีหนี้สาธารณะสูง รัฐบาลอาจต้องการควบคุมแบงค์ชาติเพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดภาระหนี้ เช่น การพิมพ์เงินเพิ่มเติมเพื่อชำระหนี้หรือการกดดันให้แบงค์ชาติซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อช่วยบรรเทาวิกฤติหนี้ การกระทำเช่นนี้อาจทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงในระยะสั้น แต่ส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว เช่น กรณีวิกฤติหนี้ในยุโรปหรือซิมบับเว
3. การสนับสนุนนโยบายการคลัง
รัฐบาลที่มุ่งเน้นนโยบายการใช้จ่ายอย่างหนัก (expansionary fiscal policy) เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานหรือโครงการประชานิยม มักต้องการสภาพคล่องจากการกู้ยืมหรือการลดดอกเบี้ยจากแบงค์ชาติ การเข้ามาควบคุมแบงค์ชาติอาจทำให้รัฐบาลสามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของตนเองโดยไม่ต้องเผชิญกับการคัดค้านทางการเงินหรือการควบคุมดอกเบี้ยที่เคร่งครัด
4. การควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน
รัฐบาลบางครั้งพยายามเข้าไปมีอิทธิพลในแบงค์ชาติเพื่อควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน โดยเฉพาะในกรณีที่รัฐบาลต้องการให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำลงเพื่อกระตุ้นการส่งออก การควบคุมค่าเงินอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเงินตราในระยะยาว โดยเฉพาะหากการกระทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นไปตามหลักการทางเศรษฐกิจที่สมเหตุสมผล
5. ความนิยมทางการเมือง
การดำเนินนโยบายที่ประชาชนเห็นว่าช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะสั้น แม้จะเสี่ยงต่อความไม่ยั่งยืนในระยะยาว อาจช่วยเพิ่มความนิยมให้กับรัฐบาล รัฐบาลอาจพยายามกดดันแบงค์ชาติให้ดำเนินนโยบายเช่น การพิมพ์เงิน หรือการลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและการจ้างงานในช่วงใกล้การเลือกตั้ง
6. การควบคุมภาวะเงินเฟ้อแบบไม่ยั่งยืน
ในบางกรณีที่เศรษฐกิจของประเทศประสบภาวะเงินเฟ้อหรือเงินฝืดสูง รัฐบาลอาจต้องการแทรกแซงแบงค์ชาติเพื่อปรับลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตามนโยบายทางการเมือง แม้ว่าการกระทำเช่นนี้อาจไม่สอดคล้องกับแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาว เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยต่ำจนเกินไปอาจทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงเกินไป และส่งผลเสียต่อค่าเงินของประเทศ