ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการปรับลดดอกเบี้ยโดย กนง. ปัจจัยฉุดคือเงินเฟ้อและความขัดแย้งระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.67 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนตุลาคม 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 ตุลาคม 2567)  พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง ที่ระดับ 160.66 ซึ่งนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์เงินเฟ้อ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ 

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนตุลาคม 2567 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

-ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มกราคม 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” (ช่วงค่าดัชนี 160-200) ที่ระดับ 160.66

-ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

-หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) 

-หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)

-ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

-ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ  สถานการณ์เงินเฟ้อ

โดยผลสำรวจ ณ เดือนตุลาคม 2567 รายกลุ่มนักลงทุนพบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับลดลง 6% อยู่ที่ระดับ 138.71 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 14.3% อยู่ที่ระดับ 150.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศทรงตัวอยู่ที่ระดับ 140.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 10.0% อยู่ที่ระดับ 180.00 ในช่วงเดือนครึ่งแรกของเดือนตุลาคม 2567 SET Index ปรับตัวในกรอบแคบ ก่อนจะปรับตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนหลังได้แรงกระตุ้นจากการที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.25% และปรับตัวลงในเวลาต่อมาจากแรงขายทำกำไรของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากมุมมองว่า FED จะยังไม่เร่งลดดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 ปิดที่ 1,466.04 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนตุลาคม 2567 อยู่ที่ 54,750 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 27,968 ล้านบาท  โดยตั้งแต่ต้นปีนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 122,757 ล้านบาท

ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางซึ่งสร้างความกังวลว่าอาจเกิดการลุกลาม ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 และทิศทางนโยบายการค้าของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้ง  ซึ่งอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวน รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออกซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว แนวโน้มของเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเงินซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ กนง. ในการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป แรงหนุนจากการซื้อกองทุน ThaiESG และกองทุนวายุภักษ์ในช่วงท้ายของปี รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/2567 ที่คาดว่าจะออกมาดีในทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

#FETCO #ข่าววันนี้ #ลดดอกเบี้ย #กอบศักดิ์ภูตระกูล #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์ #เงินเฟ้อ