ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ภายหลัง นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ที่จังหวัดตราด ,อำเภอเกาะช้าง และอำเภอเกาะกูด (ต.เกาะหมาก อ.เกาะกูด ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2567) และได้เข้าประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดตราด รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราดทั้ง 2 คน และนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดตราด ซี่งมีประเด็นที่ติดตามในเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาเป็นประเด็นหารือด้วยนั้น 

โดยในระหว่างการประชุมนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ กล่าวว่า การประชุมร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาในช่วงสัปดาห์ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดของไทยที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ซึ่งตนเองได้เดินทางไปร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย มีการหารือเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่เปิดบริเวณบ้านชำราก ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการประชุมได้เนื่องจากทาง ฝั่งกัมพูชาได้เสนอเรื่องนี้มาฝ่ายเดียวโดยที่ยังไม่มีต้นเรื่องในการที่จะนำมาพิจารณา

 

โดยจังหวัดตราด และจังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา มีการประชุมหารือเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านท่าเส้น แต่ยังมีปัญหาในเรื่องเอ็มโอยูที่ทางฝั่งกัมพูชามีสิ่งปลูกสร้างล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ไทยซึ่งทางรัฐบาลไทยได้มีการคัดค้านไปแล้ว  ดังนั้นการเปิดจุดผ่านแดนถาวรที่บ้านท่าเส้นจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ แม้ฝั่งไทยจะได้มีการลงทุนก่อสร้างเส้นทางเข้าไปเชื่อมกับทางกัมพูชาแล้วแต่หากฝั่งกัมพูชายังไม่สามารถแก้ปัญหาสิ่งปลูกสร้างที่ได้ปลูกเข้ามาล้ำในเขตแดนของประเทศไทยเราก็จะไม่มีการดำเนินการเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรในอนาคตจนกว่าจะมีการดำเนินการตามข้อตกลงให้แล้วเสร็จไป 

ทั้งนี้ นายชำนาญวิทย์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องนี้ทางจังหวัดตราดจะต้องทำความเข้าใจและสร้างความรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนชาวตราดว่ามีที่มาที่ไปและเหตุผลของการที่รัฐบาลไม่เปิดจุดผ่านแดนถาวรที่บ้านท่าเส้น เพราะอะไร?เพื่อให้เกิดความตระหนักถึงปัญหาและเหตุผลของประเทศ อย่าได้มองแต่ผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะปัญหาเรื่องกรณีเขตแดนอำเภอเกาะกูดที่ปัจจุบันมีการปั่นกระแสผ่านทางสื่อโซเชียลจำนวนมากและสับสนว่าเกาะกูดเป็นของใคร? และพื้นที่ทับซ้อนที่เกิดทับซ้อนในทะเลนั้นเป็นอย่างไร? และจะมีการแบ่งผลประโยชน์อย่างยุติธรรมอย่างไร? โดยเรื่องนี้ไม่ได้มีการหยิบยกพูดคุยกันระหว่างการประชุมร่วมทีทกัมพูชาที่ผ่านมา ผมกังวลว่า หากให้มีการดำเนินการปลุกปั่นกันอยู่อย่างนี้ อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกหรือทัศนคติเชิงลบของประชาชนชาวไทยให้เกิดขึ้นจนเกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศในที่สุด“

”ทางผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และนายอำเภอเกาะกูดต้องตรวจสอบข้อมูล ว่ามีความจริงมากน้อยแค่ไหน หากปล่อยให้ปั่นกระแสอยู่เช่นนี้ว่า เกาะกูดมันเป็นของไทยหรือเป็นของประเทศใด เดี๋ยวก็วุ่นวาย จนไม่รู้ว่าเรื่องใดจริง เรื่องใดลวง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ  ต้องเร่งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนชาวตราดไม่ใช่ให้ฟังกัมพูชาพูดอย่างเดียว หรือฝั่งนักการเมืองหรือองค์กรต่างๆที่ออก เพื่อป้องกันการเกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างประเทศลองไปเช็คดูให้ถูกต้อง  

ทั้งนี้ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวย้ำอีกว่า วันนี้ท่านจะเห็นหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องของความรักชาติ ปลุกกระแสความคลั่งชาติ  จะเห็นได้จากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีคณะรัฐมนตรีมีมติอนุอนุมัติให้สัญชาติชนกลุ่มน้อย 400,000 กว่าคน ก็มีหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน อันนี้แหละที่จะต้องไปศึกษาว่าอนุมัติอนุมัติอะไรอย่างไร ? มีเหตุผลอย่างไร?เราต้องทำความเข้าใจให้เกิดความชัดเจน ซึ่ง กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้กรมการปกครองไปชี้แจง แล้วว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนที่ไหนและมาอย่างไร? ซึ่งก็เหมือนกับเหตุการณ์ที่อำเภอเกาะกูดที่กำลังถูกปลุกและปั่นกระแสโดยอ้างความรักชาติมาเป็นเหตุผล แต่สถานการณ์แบบนี้เปราะบางและอาจจะบานปลายไปส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติได้ 

สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน ที่จะมาเปิดเวทีสร้างความเข้าใจว่าดินแดนเกาะกูดเป็นของใคร?ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดตราดนั้น นางสาวสุพิชญ์ณัฏฐา รังเกตน์แก้ว  ตัวแทนกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันที่เป็นลูกหลานคนตราด เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันได้ประชาสัมพันธ์ถิจกรรมที่กลุ่มจะแสดงออกไปนั้น มีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้าน เพราะมองว่า เรื่องเกาะกูดเป็นประเด็นอ่อนไหว และอาจจะบานปลาย หรือไปเข้าทางกลุ่มการเมืองกลุ่มเอ็นจีโอที่ไม่หวังดี และใช้สถานการณ์นี้เข้ามาแทรกแซงนั้นอยากให้มองพวกเราว่าเป็นลูกหลานชาวตราดทีทต้องการออกมาปกป้องแผ่นดินเกิดของเราเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาแฝงเป็นอื่น

 ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ มีความประสงค์จะขอเชิญ พี่น้อง ประชาชนทุกภาคส่วนมาร่วมแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ ร่วมกับกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน และภาคี ซึ่งได้จัดกิจกรรม นี้ขึ้น เพื่อ ถ่ายทอด เรื่องราว ปัญหา และข้อเท็จจริง  บริเวณ พื้นที่ เกาะกูด จ.ตราด ใน วัน เสาร์ ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา 15.00 น. ณ.ลานกิจกรรม ท้องสนามหลวง ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาล จ.ตราด กิจกรรม ครั้งนี้ มี นักวิชาการ มาร่วมพูด ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพื้นที่เกาะกูด และด้านกฏหมาย และเราจะร่วมร้องเพลงชาติร่วมกัน กิจกรรมครั้งนี้ที่จัดขึ้นทางกลุ่มและภาคี ไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง เพียงต้องการเชิญให้พี่น้องใน จ.ตราดและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมแสดง พลังเพื่อให้ภาครัฐได้เห็นถึงความเข้มแข็งของเราซึ่งคือเจ้าของแผ่นดิน ว่าเรา มีความรักในชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ทางกลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบัน

ขณะที่นายไพรัช สร้อยแสง นายอำเภอเกาะกูด หลังจากได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนของชาวตำบลเกาะกูดแล้ว ล่าสุด ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 คำแถลงการณ์ (เพิ่มเติม) ของอำเภอเกาะกูด วันที่ 3 พฤศจิกาขน พ.ศ.2567 โดยระบุว่า อำเภอเกาะกูด ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนคนไทย ทุกคนที่มีความรักและความห่วงใยต่อเกาะกูด ขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคนเข้ามาท่องเที่ยวชมความสวยงามตามธรรมชาติ ป้าไม้ น้ำตกทรายที่ขาวสะอาด และทะเลที่สวยงาม และร่วมกันขัดกิจกรรมที่ประโยชน์ มีความสร้างสรรค์การท่องเที่ยวให้กับเกาะกูดต่อไป