วันที่ 1 พ.ย.67 ทีมข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสุวรรณ ปิ่นแก้ว อายุ 56 ปี เป็นชาวบ้านอยู่ที่ หมู่ที่10 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี เล่าว่านายอนุสรณ์(เบียร์) ปิ่นทอง อายุ 32 ปี เป็นลูกชายได้ขี่รถกลับจากไปออกทิปกับเพื่อนที่ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์บนถนนพุแค-หล่มสัก ถึงบริเวณจุดกลับรถช่วง ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ขาเข้าตัวเมืองสระบุรี โดยมีกลุ่มเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังมาจำนวนหลายคัน ได้มีรถบรรทุกพ่วง ที่ขับคู่กันมาเบียดรถจักรยานยนต์ของนายอนุสรณ์ จนรถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม และถูกล้อรถบรรทุกพ่วงทับร่างนายอนุสรณ์ จนเสียชีวิตคาที ขณะเกิดเหตุเพื่อนๆเห็นเหตุการณ์ รถบรรทุกพ่วง ที่ก่อเหตุไม่หยุดกลับขับรถหลบหนีไป เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6ต.ค.67 เวลา20.51 น. อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี ได้เข้าเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณร้านค้าฝั่งตรงข้ามถนนที่เกิดเหตุจนพบรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าววิ่งผ่านซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพได้ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียงไม่ถึง 10 เมตร ต่อมาได้ภาพจากกล้องวงจรปิด อีก1จุดช่วงรถบรรทุกกำลังเลี้ยวซ้ายเข้าไปบน ถนนพุแค-แก่งคอย สามารถจับภาพป้ายทะเบียนรถไว้ได้ นางสุวรรณ กล่าวต่อว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุวันที่ 6 ต.ค. จนถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากคู่กรณีเลยแม้กระทั้งงานศพนายอนุสรณ์(เบียร์)ลูกชายคู่กรณียังไม่มีมาร่วมงานศพเลย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี สภ.หน้าพระลาน ก็ยังไม่เรียกคนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวมาสอบปากคำเลย ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นรถบรรทุกพ่วงคันที่ก่อเหตุ และทราบทะเบียนรถบรรทุกพ่วง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีอ้างว่าไม่สามารถอายัดรถบรรทุกพ่วงคันก่อเหตุได้ เวลาผ่านไปร่วม 1เดือนยังไม่ได้รับการประสานจากฝ่ายไหนมาเลย ตนเองยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีให้ช่วยติดตามคนขับรถบรรทุกพ่วงมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ตอนนี้ตนเองรู้สึกเสียใจที่ลูกชายต้องมาตายแบบไม่มีใครมารับผิดชอบลูกชายยังเป็นเสาหลักของครอบครัวลูกชายตนมีอาชีพเป็นช่างตัดผม และเปิดร้านอัดฉีดล้างรถ ซึ่งก่อนที่ลูกชายตนจะมาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตประมาณ1สัปดาห์ได้พูดเป็นลางสังหรณ์ กับตนว่าถ้าตายก็อย่าให้ทรมานไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาให้ตายกะทันหันไปเลย ตนไม่คิดว่าเหตุการณ์จะมาเกิดกับลูกชายตนจริงๆ สุดท้ายตนยากวอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งจับกุมคนขับรถบรรทุกพ่วงคันดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว