วันที่ 1 พ.ย.2567 นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายเเละรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเลือกประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย ที่มีชื่อ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ด้วย ทามกลางเสียงคัดค้านจากอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ กว่า 200 คน ว่า เรื่องนี้ การเมืองไม่ควรที่จะเข้าไปก้าวก่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าแบงค์ชาติทำงานด้วยตัวเอง รัฐบาลต้องทำงานกับแบงค์ชาติอยู่แล้ว ซึ่งหน้าที่มีอยู่แล้ว แต่จากประสบการณ์ของตนคิดว่าต้องประสานงานกัน โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศไทย อยู่ในจุดพลิกผัน จะฟื้นได้จริงหรือไม่ ต้องอาศัยทุกหน่วยงาน และไม่ไปเสียเวลากับเรื่องอื่น ที่จะไปหักล้างความร่วมมือกัน
เมื่อถามว่า หากมีฝ่ายการเมืองเข้าไปจริง จะทำให้ระบบในแบงค์ชาติรวนหรือไม่ นายอุตตม คิดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีระบบการทำงานของเขา มีประเพณีของเขา ที่ต่อเนื่องมาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายุคนี้ก็เข้าใจได้ ว่า สังคมมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่คิดว่าทุกฝ่ายก็อยากเห็นเราเดินไปข้างหน้า ใครจะอยากเห็นคนทะเลาะกัน ในเมื่อการเดิมพันคือปากท้องของประชาชน ตนก็ยังเห็นเหมือนกันว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร หลังจากเลือกประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย และในฐานะพรรคพลังประชารัฐ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราอยากเห็นรัฐบาลเดินต่อในนโยบายต่างๆ โดยมีแบงค์ชาติ ทำงานร่วมกับรัฐบาล
เมื่อถามว่าชื่อของนายกิตติรัตน์ ที่ออกมาดูแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ตนไม่ขอ แสดงความคิดเห็น แต่ทราบข่าวว่า มีแคนดิเดตหลายคน
เมื่อหากเป็นนายกิตติรัตน์ จริงๆ มองแล้วจะเป็นอย่างไร นายอุตตม กล่าวว่า เราก็ต้องเชื่อมั่น ในคณะกรรมการสรรหา เพราะแต่ละคนก็มีคุณวุฒิ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นอดีตของผู้บริหารระดับสูง ของสถาบันการเงิน ของกระทรวง และของธนาคารแห่งประเทศไทย เราก็ต้องให้ความเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการเหล่านั้นจะกลั่นกรอง ให้ดีที่สุด อย่างรอบคอบ
เมื่อถามว่าที่ผ่านมาเคยมีหรือไม่กับการมีคนของการเมืองเข้าไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว นายอุตตม กล่าวว่า จำไม่ได้ แต่ที่ระบุว่าคนของพรรค มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญก็คือตัวบุคคลนั้นที่เข้ามา ทำหน้าที่แล้วเป็นอย่างไร แน่นอนว่าจะต้องอยู่ในสายตาของสังคม และวันนี้ สังคมก็สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้ ดังนั้น คิดว่า ไม่ว่าใครจะมาก็ต้องทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง แต่สุดท้ายแล้วก็หนีการทำงานร่วมกันไม่พ้น