เมื่อเวลา 11.09 น. วันที่ 1 พ.ย. 67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ตำบลหนองพอก อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อมาถึงมี สส.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้การต้อนรับ ก่อนนายกฯออกเดินทางต่อด้วยรถยนต์เลกซัส  สีเงิน Sonic Titanium ทะเบียน 5 ขส 45 กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด

 

โดยจุดแรกเวลา 11.30 น. ที่วัดบ้านเขวาทุ่ง ตำบลเขวาทุ่ง อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ และหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ เข้าร่วม 

 

เมื่อมาถึงชาวบ้านได้ผูกผ้าขิดพื้นบ้านที่เอวนายกฯ และมีการฟ้อนรำชวนอ้ายเที่ยวเมืองร้อยเอ็ดต้อนรับ นอกจากนี้ชาวบ้านยังสวมกอด ขอถ่ายรูปเซลฟี่ และชมนายกฯตัวจริงสวยมาก จากนั้นนายกฯรับฟังบรรยายสรุปการปราบปรามยาเสพติดในจังหวัดร้อยเอ็ดที่มุ่งเน้นจับกลุ่มผู้ค้ามาดำเนินคดี และนำผู้เสพเข้ารับการบำบัด ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากโมเดลการแก้ปัญหายาเสพติดของจังหวัด 

 

จากนั้นนายกฯกราบนมัสการ พระครูเกษมธรรมสาทร เจ้าอาวาสวัดเขวาทุ่ง และพระครูโสภณธรรมวรยา เจ้าคณะตำบลเขวาทุ่ง โดยพระครูเกษมธรรมสาทร ได้มอบพระพุทธรูปปางชนะมารและ พระพุทธรูปหลวงปู่อินทร์ อดีตเจ้าอาวาส ขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว ให้กับนายกฯ 

 

ต่อจากนั้นนายกฯเป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ โดยนายกฯ กล่าวมอบนโยบายว่า ตนเสียงแหบนิดนึงยังไม่ค่อยหายดี แต่ว่าฟังพอได้ไหม ก็ขอสวัสดีทุกท่าน วันนี้ดีใจมากๆและรู้สึกเป็นเกียรติที่มาติดตามงาน ต่อจากสมัย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ทราบมาตลอดว่ามีความจริงจังเป็นอย่างมากในการที่จะพยายามปราบปรามปัญหายาเสพติดทั้งประเทศและที่จังหวัดร้อยเอ็ดก็ได้เริ่มกันมาอย่างสวยงามมากๆ ที่อำเภอธวัชบุรีโมเดล และอำเภอท่าวังผาโมเดลจังหวัดน่าน และเป็นปัญหายาเสพติดถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ อย่างที่เคยบอกกันไปในทุกเวทีว่าปัญหาของยาเสพติดเหมือนเป็นปัญหาพื้นฐาน ถ้ายาเสพติดยังอยู่ คนยังติดทำให้ประเทศพัฒนาไปได้ยาก เพราะถึงเราจะมีนโยบายดีๆแค่ไหนแต่นโยบายยาเสพติดถ้าหากไม่เอาจริงก็จะทำนโยบายอื่นๆได้ยาก เพราะฉะนั้นแน่นอนว่านโยบายยาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ทำงานกันอย่างจริงจัง และเมื่อตอนเดินเข้ามาที่มีการรายงานก็ทราบเลยว่าต้องอาศัยทั้งแรงกายและแรงใจในการที่จะช่วยให้ปัญหานี้ทุเลาลง และแน่นอนว่าผู้ที่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและวันนี้ก็ได้หายแล้ว กลับคืนสู่ครอบครัวและสังคมก็ต้องฝากทุกคนให้กำลังใจกันต่อ เพราะการเป็นทาสของยาเสพติดไม่ใช่เรื่องง่ายที่ เราจะต้องอาศัยกำลังจากทุกภาคส่วน ฉะนั้นวันนี้รัฐบาลนี้ยังยืนยันในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องต่อไปอย่างเข้มข้นและจริงจัง หากหน่วยงานไหนติดปัญหาอย่างไรขอให้แจ้งมา เพื่อรัฐบาลจะช่วยซัพพอร์ต เราเต็มที่และไม่อยากให้ลูกหลานโตขึ้นมาในสังคมที่เต็มไปด้วยยาเสพติด ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่เราจะไปต่อ โดยหลังจากนี้จะขอขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่างๆตามภูมิภาค โดยที่เราจะใช้จังหวัดนำร่องขึ้นมาทั้งหมด 10 จังหวัดกระจายไปทั่วประเทศ  ภาคเหนือ คือจังหวัดเชียงใหม่ ภาคกลางจังหวัด อุทัยธานี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม ภาคตะวันออก คือ จังหวัดระยอง และภาคใต้ คือ จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดนราธิวาส ซึ่งถือเป็น 10 จังหวัดนำร่องที่เราจะต้องแก้ปัญหายาเสพติดและยกระดับให้เข้มข้นขึ้น

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ก็ขอให้ป.ป.ส.จัดทำเรื่องของการอัพเดทข้อมูลเป็นฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนสามารถรับทราบข้อมูลร่วมกันและเข้าถึงข้อมูล เพื่อให้ได้รู้ว่าเราแก้ปัญหาไปถึงจุดไหนแล้ว และแผนปฏิบัติการแก้ปัญหายาเสพติดของจังหวัดให้รายงานผลการดำเนินงานและการประเมินผลด้วยว่าจบแล้วเป็นอย่างไรบ้าง จะได้ติดตามกันได้ง่ายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันขอให้ทุกหน่วยงานมีการเชื่อมโยงข้อมูลให้ถึงกันและอัพเดทกันด้วย เพื่อจะได้ซัพพอร์ตกัน ทั้งนี้ตอนนี้ขอเน้นย้ำว่ายาเสพติดเป็นเรื่องของทุกคนไม่ใช่เรื่องของแค่คนที่ใช้ยาและครอบครัวของเขาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของสังคม ประเทศชาติเรื่องของหน่วยราชการที่ต้องช่วยกันดูแลตรงนี้ให้ยาเสพติดในประเทศของเราหมดไป แน่นอนทุกคนทราบว่ายาเสพติดลดน้อยลงปัญหาต่างๆที่ตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องลักขโมย จนไปถึงปัญหาที่ใหญ่มันมีพื้นฐานในเรื่องนี้ทั้งหมด ถ้าเราช่วยกันจะสามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้อีกเยอะมากๆ

 

“เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วงประชาชนทุกคน เพราะเด็กๆทั้งหลายเป็นอนาคตของชาติ จึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกันทุกฝ่าย ” นายกฯ กล่าว

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนการปราบปรามขอให้ตัดวงจรในเรื่องของการค้ายาเสพติดอยากให้เพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องของการยึดทรัพย์และการอายัดทรัพย์ ขอให้มีความเด็ดขาดในเรื่องนี้ เพราะจะได้ไม่กลับมาอีก ให้การยึดทรัพย์มีบทลงโทษที่จริงจังชัดเจน และอีกอย่างที่ตนคิดว่าให้ปรับกันเอง คือเราต้องดูแลข้าราชการและคนทำงานของเราด้วยว่าพอไปถึงจุดนั้น  ต้องมีการตรวจเช็คคนทำงานของเราด้วย อันนี้ไม่ใช่ไม่ไว้ใจกัน แต่เราอยากให้เป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชนว่าพวกเราเองที่ทำงานทุกวันนี้ไม่มีใครยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เราจะได้ดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง และทำให้ประชาชนไว้ใจในมุมของคนที่เข้าไปดูแลและปราบปรามหรือบำบัด เราต้องเป็นตัวอย่าง และถือเป็นต้นแบบที่ทำตามในเรื่องการบำบัดรักษาขอให้ ป.ป.ส. องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ตำรวจ และทหารทำงานกันอย่างบูรณาการ ให้เร่งพิจารณาเพิ่มในเรื่องของสถานพยาบาล เพราะทราบดีว่าบางทีอาจจะไม่เพียงพอในเรื่องของสถานพยาบาล เช่น การเปิดศูนย์บำบัดผู้ป่วยยาเสพติดต่างๆ ถ้าไม่เพียงพอจะได้มีการประสานงานกัน นอกจากนี้ในเรื่องของวงจรยาเสพติดกระบวนการรักษาเสร็จตัดวงจรให้จบ ผู้ขายโดนยึดทรัพย์แล้ว แต่อยากให้จำไว้เสมอว่าการดูแลคนที่เสพยานั่นคือการรักษาคนที่ป่วย คนที่ไม่สบาย ก็ขอให้ทุกคนมีความใจดีมีความเมตตากับผู้ที่มารักษา ซึ่งหากฟังแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็กแต่กำลังใจเท่านั้นที่จะทำให้เขาเดินออกไปอย่างสง่างามอย่างเข้มแข็ง อันนี้ขอให้ทุกฝ่ายไม่ลืมในเรื่องนี้ 

 

นายกฯ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญการฝึกอาชีพต่อจากนั้นก็ขอให้เป็นรูปธรรมที่จริงจังด้วย ตนยังพูดคุยกับคณะทำงานวงเล็กว่าอยากทำเรื่องนี้ เพื่อให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ทั้งสิ่งที่ทำมาทุกคนทำมาดีหมดแล้ว  แต่รัฐบาลอยากทำต่อในเรื่องการฝึกอาชีพ ให้มีอาชีพจริงจัง มีอาชีพเป็นหลักเพื่อจะได้เป็นฐานของการประกอบอาชีพต่อไป เพื่อให้เขากลับมาช่วยครอบครัวของตัวเองได้ ซึ่งถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร ในการประชุมยาเสพติดครั้งหน้าคิดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ 

 

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสุดท้ายขอเน้นย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลจะจริงจังกับเรื่องปัญหายาเสพติด และรอวันที่ยาเสพติดจะหมดไปจากประเทศ ก็ขอเริ่มที่จังหวัดนำร่องทั้ง 10 จังหวัดนี้ก่อน แน่นอนว่าเราต้องพยายามทำให้ยาเสพติดลดลงอย่างน้อย 90% ก็ขอให้ทุกคนลุยเต็มที่ในเรื่องนี้ อยากให้ประเทศของเราเป็นประเทศที่ปลอดยาเสพติด และเป็นประเทศสีขาวในทุกพื้นที่ไม่ใช่แต่เพียง 10 จังหวัดนำร่องเท่านั้น แต่ต้องขอบคุณจังหวัดร้อยเอ็ดที่เริ่มต้นอย่างสวยงามและคิดว่าเมื่อจังหวัดอื่นๆมองเห็นจังหวัดร้อยเอ็ด ก็เชื่อถึงความเป็นไปได้ว่าทุกพื้นที่ก็จะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้เหมือนกัน

 

โดยหลังจากที่นายกฯ​ กล่าวมอบนโยบายเสร็จสิ้น​ รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด​ ได้ตอบรับว่าจะตรวจสารเสพติด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปถึงข้าราชการในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด