วันที่ 1 พ.ย.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" ระบุว่า...
เพื่อไทย ไม่นิรโทษ ม.112
ไม่แคร์มวลชน แต่แคร์พรรคร่วม
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ไม่แตะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าจะไม่เสียมวลชน เพราะถือเป็นจุดยืนของทุกพรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
ผมคิดว่ายังมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกหลายคนที่มีความคิดแบบนายภูมิธรรม จึงทำให้มีการตระบัดสัตย์ ผิดคำพูดในหลายเรื่องมาโดยตลอด ตั้งแต่การข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เคยประกาศประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกจะอนุมัติแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที และการแก้มาตรา 112 รวมถึงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตไม่ตรงปก โดยไม่แคร์กระแสสังคม และเสียงสนับสนุนจากประชาชน แต่กลับแคร์พรรคร่วมรัฐบาลมากกว่า
การตระบัดสัตย์และไม่ปฏิบัติตามสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชน จะมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ และในการรณรงค์หาเสียงพรรคการเมืองในโอกาสต่อไป แข่งขันกันโกหกหลอกลวงประชาชน ด้วยนโยบายที่สวยหรู เมื่อได้เป็นรัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องทำ เพราะมีพรรคการเมืองเคยปฏิบัติให้เห็นมาแล้ว
อยากให้สังคมได้ตรวจสอบ จุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคการเมือง และสัจจะวาจาที่ให้ไว้ต่อประชาชนแล้วไม่ปฏิบัติ เช่นการเมืองออกนโยบายหาเสียงเมื่อปฏิบัติแล้วเพื่อเป็นพรรครัฐบาลแล้วไม่ปฏิบัติตามนักการเมืองบางคนประกาศจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ยังเล่นการเมืองต่อ หรือบางคนประกาศไม่รับตำแหน่งรัฐมตรี แต่ในที่สุดก็รับตำแหน่ง จึงเป็นสาเหตุทำให้การเมืองไทยตกต่ำ อาชีพนักการเมืองมีต้นทุนทางสังคมต่ำ ถูกเหยียดหยามจากประชาชน
อยากให้นักการเมืองรักษาสัจวาจา เหมือนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เคยประกาศไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพลเอกประยุทธ์ ได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ทันที
นักการเมืองที่รักษาสัจจะ รักศักดิ์ศรี ทำการเมืองแบบตรงไปตรงมา จะหาได้ยากขึ้นทุกที