‘นายกฯอิ๊งค์’ อาการป่วยดีขึ้นแล้ว พร้อมกลับทำงานตามปกติ 'ประธานกกต.' เผยรวม 4 คำร้อง'ทักษิณ'ครอบงำ'พท.'เป็นสำนวนเดียว จ่อเรียก”โทนี่”ในฐานะผู้ถูกร้องชี้แจง ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ด้าน"ภูมิธรรม" ท้าเด็ก”พปชร.” เปิดชื่ออักษรย่อคนเพื่อไทยเอี่ยวดิไอคอน 

เมื่อวันที่ 31 ต.ค.67 เวลา 11.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์รูปพร้อมข้อความผ่านไอจีส่วนตัวชื่อ “ingshin 21” โดยเป็นภาพนายกรัฐมนตรี สวมชุดผ้าไหมทอมือสีกลีบบัว ซึ่งสวมใส่ในการทำงานเมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่าน พร้อมภาพคู่บุตรสาว “น้องธิธาร สุขสวัสดิ์“ ลูกสาวคนโต และ ”น้องธาษิณ“ พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ บุตรชายคนเล็ก อยู่ในอิริยาบถสบายๆ ซึ่งบุตรสาวและบุตรชายนอนตัก และสวมกอดน.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นภาพที่อบอุ่น

โดยมีข้อความระบุว่า กราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องเพื่อนๆประชาชนที่รัก ทุกๆคนที่ส่งความห่วงใยมาทุกช่องทาง ซาบซึ้งใจมากๆ และกราบขออภัย นัดหมายวันนี้ที่ต้องยกเลิกทั้งหมด ไม่ชอบที่สุดการนัดแล้วต้องยกเลิกฉีดยาให้วิตามินอีกรอบ คาดว่าจะดีขึ้นแน่นอน และวันนี้คุณหมอแนะนำให้หยุดอีกวัน แต่คิดว่าไม่ต้องแล้ว เพราะมีพยาบาลจิ๋ว 2 คนดูแลที่บ้านอย่างดี วิ่งวนไปมา ชวนแม่ดูทุกสิ่งอย่าง แม่ก็นอนนิ่งๆ ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เด็กๆ #mmdpskids ร้อยเอ็ดเจอกันพรุ่งนี้

 ด้าน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคำร้องให้ตรวจสอบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีครอบงำพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ ว่า ขณะนี้คำร้องมีทั้งหมด 4 คำร้อง ซึ่งเป็นคำร้องในทำนองเดียวกันจึงรวมไว้เป็นสำนวนเดียวกัน โดยขั้นตอนในเบื้องต้นได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เห็นว่าเป็นคำร้องที่สามารถรับไว้พิจารณาได้ ทางเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองก็รับเรื่องไว้ และส่งเรื่องให้คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานดำเนินการตามกระบวนการต่อไป


สำหรับกรอบเวลาการทำงานของคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน แต่หากมีข้อเท็จจริงเอกสารพยานหลักฐานที่ต้องทำเพิ่มก็ขอขยายเวลาได้อีก 30 วัน หลังจากนั้นจะต้องรวบรวมความเห็นทั้งหมดเสนอต่อเลขาธิการกกต.ในฐานะนายทะเบียนว่าจะมีความเห็นอย่างไร และถ้าเห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายอันนำไปสู่การยุบพรรค ทางนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องเสนอเรื่องให้กกต.พิจารณาต่อไป ส่วนกกต.จะมีความเห็นอย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับรายงานเอกสารข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่จะได้รับจากนายทะเบียน


นายอิทธิพร กล่าวว่า การจะเรียกผู้ร้อง ผู้ถูกร้องมาเข้าให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ขอเรียนว่าเรื่องเข้าสู่กระบวนการอย่างเป็นทางการแล้ว เท่าที่ทราบมีผู้ร้องมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้ว ทั้งนี้ตามระเบียบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานข้อ 7 วรรค 2 บอกไว้ว่าจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องมารับทราบข้อเท็จจริง และมีโอกาสแสดงความคิดเห็นและเสนอเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย เพราะฉะนั้น มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่ที่อาจจะต้องใช้เวลาบ้างก่อนที่เข้าจะรวบรวมและเสนอเลขาธิการกกต. ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย


นายอิทธิพร ยังกล่าวถึงการลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ว่า สำนักงานกกต.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ อย่างที่เรียนกระบวนการทำงานไม่ได้แจ้งปุ๊บแล้วมาถึงกกต. ซึ่งการทำงานแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ สำนักงาน กกต. ส่วนที่สองคือ กกต. การยื่นคำร้องอะไรมาต้องให้สำนักงานเลขา กกต.เป็นผู้ตรวจสอบเบื้องต้นก่อน ก่อนจะเสนอให้ กกต.

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่นักการเมืองหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป นั้น กกต.จะต้องเข้าไปมีส่วนในการตรวจสอบหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องทำนองนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล กกต.คงขอไม่ให้ข้อคิดเห็น ที่เป็นการก้าวล่วงกระบวนการของศาล แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเหตุที่ทำให้สมาชิกภาพของ ส.ส.ต้องสิ้นสุดลงเมื่อถึงเวลานั้น กกต.จะต้องปฏิบัติดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตัวเอง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยเตรียมพิจารณาดำเนินคดี พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่กล่าวพาดพิงบุคคลพรรคเพื่อไทยเชื่อมโยงคดีดิไอคอนกรุ๊ป ว่า ทางฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยคงพิจารณา เพราะช่วงนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์แบบไม่อยู่บนพื้นฐานของความจริง หลายเรื่องเข้าข่ายลักษณะให้ร้ายป้ายสี หากเกิดความเสียหายก็ต้องฟ้องร้องกันเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน เพราะเวลานี้คนที่หยิบเรื่องมาเพื่อที่จะสร้างประเด็นโดยไม่มีฐานข้อเท็จจริงมีหลายส่วนมาก ตนคิดว่าฝ่ายกฎหมายต้องไปดูในรายละเอียด อีกทั้งยังมีการกล่าวหาพรรคหลายเรื่อง ซึ่งยังไม่มีการพูดกันเลย อย่างเรื่องการขายชาติ หลายเรื่องยิ่งกว่าจินตนาการ ดังนั้น หากมีหลักฐานให้เอ่ยชื่อผู้เกี่ยวข้องมาเลย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ดูแล้วที่เปิดเผยเป็นอักษรย่อก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง ส่วนที่เกี่ยวข้องเขาก็มีเหตุผลอธิบายไปแล้ว อย่างที่ไปพูดอักษรย่อ “ม” ซึ่ง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ชี้แจงไปแล้วว่าดำเนินการตามหน้าที่ ดูแลแก้ไข ทำให้ผู้เสียหายได้รับเงินคืนไป เขาทำหน้าที่ในการไกล่เกลี่ย หรืออีกคนที่เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ลาออกไปนานแล้ว เอามาโยงกับพรรคเพื่อไทยไม่ได้ อย่ามองทุกอย่างเป็นการเมือง ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการเบี่ยงเบนประเด็นของตัวเองหรือไม่ จึงอยากให้พิจารณาให้ถ่องแท้ อะไรที่เกินเลยไปก็ต้องว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องขายชาติก็ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ อาจเป็นเพราะพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ร่วมรัฐบาล จึงออกมาโจมตีพรรคเพื่อไทยอย่างหนัก นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยังไม่ได้บอกว่ามาจากพรรคพลังประชารัฐ แต่มองว่ามีการจินตนาการกันไปมาก มีการพูด หากเกี่ยวพันกับใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ เมื่อถามย้ำว่าเป็นการเอาคืนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เนื่องจากไม่ได้ร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไปดูข้อเท็จจริง เราอยู่กับข้อเท็จจริง เราไม่กล่าวหาหรือโยนอะไรไปให้ใคร ถ้าใครพูดมาแล้วเกี่ยวข้องกับใคร แล้วหากฝ่ายกฎหมายดูข้อเท็จจริงนั้นคลาดเคลื่อน ไม่เป็นความจริง ก็ว่าตามกระบวนการกฎหมาย

ส่วนจะต้องมีการพูดคุยกับบุคคลภายในพรรคที่ถูกพาดพิงหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่รู้เลยว่ารายละเอียดที่ถูกกล่าวหานั้นคืออะไร พูดเลื่อนลอย ตนไม่ชอบเอาข่าวโคมลอย ข่าวเลื่อนลอยมาทำงาน เพราะงานที่เป็นจริงอยู่ทุกวันนี้ก็เยอะมากอยู่แล้ว ทางด้านประเด็นที่มีการพูดถึงกลุ่มสามมิตรซึ่งอาจเชื่อมโยงกับนักการเมืองอักษรย่อ ส. นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่ทราบ ขอให้ไปว่ากันเอง เกี่ยวข้องกับใครก็ชี้แจงเอง ถ้าไม่เอ่ยถึงรายละเอียดเขาก็อยู่กันเฉยๆ แต่ยืนยันไม่มีส่วนของพรรคเพื่อไทยไปเกี่ยวข้อง เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยต้องมีการตรวจสอบเป็นการภายในหรือไม่ เพราะมีการพาดพิงมา เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดต่อสังคม นายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ไม่อยากเดาว่าเป็นใคร เช่น “ส” เป็นใครมีเป็นร้อย ม-ก-ฮ  เป็นใคร ไม่อยากเดา ก็พูดมาให้ชัดส่งมาเลยมีหนังสือมาถึงพรรคเลยว่ามีข่าวอย่างนี้ๆ ทำให้เสียหายด้วยพฤติกรรมอย่างไร เราจะตั้งกรรมการสอบ และให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไป อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อความนิยมของพรรคหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า จะส่งผลกระทบกับพรรคได้อย่างไร เพราะพรรคยังไม่ทราบว่าเป็นใคร หรือเรื่องเป็นอย่างไร
 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีที่มีการพาดพิงถึงคนในพรรคเพื่อไทยกับเทวดาในดิไอคอนกรุ๊ป กับสคบ. ว่า ไม่ทราบจริงๆเพราะดูจากข่าว ส่วนเรื่องการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าของสคบ.ต้องมีการตรวจสอบบุคคลภายนอก 6 คน และภายในอีก 11 คน ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ และอาจต้องขยายเวลาดำเนินการ เพราะยิ่งมีการขยายตรวจสอบก็ยิ่งเจอ เจอคนที่เกี่ยวข้องที่ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนเรื่องเจอตออื่นเพิ่มเติมหรือไม่นั้น เราไม่กลัวอยู่แล้ว