"เจ๊อ้อย" เศรษฐีนีหมื่นล้าน ควงเลขาส่วนตัวและทนายความเข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ เพิ่มเติมคดีถูก"ทนายตั้ม" หลอกลงทุนหวยออนไลน์ 71 ล้าน "ทนายเดชา" เผยวงการทนายกระทืบซ้ำ "ทนายตั้ม" แจงรับว่าความคิดค่าว่าความตามฐานะ ชี้ขัดต่อความสงบ แต่ก็ไม่ขัดมรรยาททนาย เหน็บ "หมาตาย" เห็บหมาก็กระโดด ใครๆก็ไม่รู้จักตั้ม ยุ "ทนายตั้ม" แฉให้หมด เคยรับใช้ใคร สะเทือนพรรค-รัฐมนตรี ถ้าใจไม่ถึง พร้อมเปิดให้
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อวันที่ 31 ต.ค.67 น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย เศรษฐีนีหมื่นล้าน พร้อมด้วยเลขาส่วนตัวและทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีแจ้งความดำเนินคดีกับ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม หลังถูกโกงเงินลงทุนธุรกิจหวยออนไลน์ไปกว่า 71 ล้านบาท โดยมี พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. เข้าร่วมการสอบปากคำ
สำหรับการเดินทางมายังกองปราบปราม ของพี่อ้อย เป็นการให้ปากคำต่อเนื่องจากการลงพื้นที่สอบปากคำเจ้าตัวในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ จึงทำให้ต้องเชิญตัวมาให้ปากคำต่ออีกครั้งในวันนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้การดำเนินการทางคดีสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
วันเดียวกัน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ของนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เรียกค่าทนาย 10 ล้านบาท จาก หนึ่ง บางปู ว่า ก็ค่าทนายแพง ถือว่าสูง แต่ไม่รู้เขาตกลงกันอย่างไร ปกติค่าทนายก็คิดตามฐานะ ร้อยละ หรือความยากง่ายของคดี อย่างทนายตั้มเรียก 10 ล้าน จาก 100 ล้าน ก็ 10 เปอร์เซ็นต์ เรียกได้ แต่ต้องไม่เกี่ยวกับคดี เช่นบอกว่าถ้าชนะถึงจะได้เท่านี้ อย่างนี้ไม่ได้ ขัดต่อความสงบ แต่ก็ไม่ขัดมรรยาททนาย
เมื่อถามว่า แวดวงทนายความรู้สึกอย่างไรกับกรณีทนายตั้ม นายเดชา กล่าวว่า เท่าที่ทราบก็สมน้ำหน้า กระทืบซ้ำ แต่ผมไม่ใช่แนวนั้น ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม ทำผิดก็ติดคุกไป ไม่ได้ไปอุ้ม ไม่ได้เอามาแบ่งด้วย เคยไปกินข้าว ก็เลี้ยงบ้าง มื้อละแสนอย่างนี้ก็มากแล้ว แต่ต้นทุนชีวิตทนายตั้มเขาสูง เขาบอกเขามือหนัก เรียกค่าทนายหนัก
นายเดชา ยังกล่าวถึงคดีผู้เสียหาย ไปร้องเรียนหลานอดีตรัฐมนตรี ข่มขืน แต่ถูกทนายดังทิ้งคดี จนศาลยกฟ้อง ว่า จำได้ แต่ก็ถามทนายตั้ม เขาบอกไม่ได้ทิ้ง ซึ่งศาลไม่เชื่อ ก็เลยยกฟ้อง ซึ่งก็สอบถามเขา เขาบอกไม่ได้ทิ้ง แต่ปกติเขาไม่ได้ว่าความ เป็นแค่โปรโมเตอร์ แล้วมีทีมขึ้นว่าความอีกที แต่หากไปรับเคลียร์คดี ไม่จบแล้วไปทิ้งคดี ก็ถูกร้องมรรยาทได้ ทนายตั้มก็ต้องชี้แจงเอง
เมื่อถามว่า ตอนนี้ใครๆ ก็เริ่มโดดจากทนายตั้ม นายเดชา กล่าวว่า ตนกับทนายตั้มก็สนิทสนมกัน เป็นเพื่อนกัน แก้อะไรไม่ได้ แต่เพื่อนเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเรา ไม่ได้ไปซ้ำเติม ถ้าผิดจริงก็ติดคุกไป แต่เป็นเรื่องธรรมดา หมาตาย เห็บหมาก็กระโดด ใครๆก็ไม่รู้จัก
"สมัยก่อนผมยังบอกเลย เอ็งก็ไปรับใช้เขามา ให้ไปเล่นชูวิทย์ ตอนนี้เขาบอกไม่รู้จักเอ็ง แค่เดินผ่านเฉยๆแล้วชวนไปกินข้าว ผมก็บอกใจถึงๆหน่อย ตั้มเอ้ย ไหนๆก็เละแล้ว ยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อน ก็บิวต์อยู่ ถ้าแฉก็รัฐมนตรี พรรคการเมืองต่างๆ บอกตั้มใจไม่ถึงบอกพี่ พี่หิวแสงอยู่แล้ว ตอนนี้ใครๆก็ไม่รักตั้ม เขาก็ต้องตัดสินใจ ถ้าไม่มีใครกล้าแฉก็บอกพี่เดได้"
“ทนายบอสพอล ระบุว่ามีทีมทนายเตี๊ยมคำให้การของผู้เสียหายในคดีดิไอคอนกรุ๊ป โดยเอกสารดังกล่าวมีหัวหนังสือเครือข่ายทนายคลายทุกข์ว่าท้าทนายบอสพอล ถ้าแน่จริงให้แจ้งความเลย แล้วผมจะฟ้องกลับทันที อย่าตีหัวเข้าบ้าน หากเห็นว่าผมมีพฤติกรรมให้พยานให้การเท็จก็ต้องแจ้งความจับตนวันนี้”
นายเดชา กล่าวต่อว่า คำร้องทุกข์ดังกล่าวทำขึ้นจริง แต่ทำให้ลูกความเพียงคนเดียวลงชื่อในวันแถลงเปิดคดี เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม แต่เอาไปบิดเบือนว่าเอาแพทเทิร์นนี้ไปลงกลุ่มไลน์ บอกว่าให้ทุกคนให้การแบบเดียวกัน ซึ่งไม่ได้ทำ ขอให้ไปแจ้งเลย จะได้ฟ้องกลับ ทำคำฟ้องไว้เสร็จแล้ว เพราะตนไม่เคยทำ ไม่เคยไปพิมพ์ในกลุ่มไลน์ หรือให้ใครให้การแบบใด
"บอกทนายอ๋อง ไปแจ้งจับวันนี้ ไม่ใช่ตีหัวเข้าบ้าน เอาหัวกระดาษสำนักงานผมไปใช้ ถ้ามีหลักฐานอะไรก็เปิดเผยมา อย่ามาเล่นกับสื่ออย่างเดียว ระวังกระแสตีกลับ ตอนนี้คนเขากลัวกันว่าคดีจะล้ม ผู้ต้องหาจะกลายเป็นพระเอก แต่ผมยืนยันอยู่เคียงข้างผู้เสียหาย ไม่ว่าจะถูกถอดใบอนุญาตทนายความหรือไม่ คลิปเสียงที่เอาออกมา ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำกันมาหรือเปล่า ก็ต้องเอามาแถลงให้ชัด"
นายเดชา กล่าวอีกว่า ต้องระวังเรื่องการยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ข่มขู่ ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหนี นี่ก็เอาหลักฐานไปให้ตำรวจหมดแล้ว เตือนต้องระวังนะ สัมภาษณ์มากๆ ก็เหมือนข่มขู่พยาน ต้องถามรมว.ยุติธรรมว่าปล่อยให้ทนายความออกมาข่มขู่พยานรายวันได้อย่างไร