วันที่ 31 ต.ค.67 พ.ต.ท.โรจน์ เสาทอง พงส.สภ.เมืองลพบุรี ได้แจ้งจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็๊กตึ้ง ว่าจะมาขอแจ้งขอรับรองการตายเพื่อส่งศพผู้เสียชีวิตถึงสาเหตุของการเสียชีวิตของ ด.ญ.พร (นามสมมุติ) อายุ 4 เดือน ที่ได้เสียชีวิต ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระนานายณ์มหาราช  โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต๊กตึ๊งกรุงเทพมหานครมารับศพเพื่อไปชันสูตรพิสูจน์หลักฐานที่มูลนิธิแผนกวิทยานิติยุติธรรมปทุทธานี เพื่อเป็นผลรับรองการเสียชีวิตของ ด.ญ.พร

ด้าน น.ส.สุกัญญารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี แม่ ด.ญ.พรเด็ก อยู่ ม.2 ต.กุดตาเพชร อ.ลำสนธิ จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.67 เวลา19.00 น นาย ฉัตรมงคล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี สามี กลับมาจากทำงาน ได้อุ้มลูกสาววัย 4 เดือน ซึ่งนอนอยู่ในมุ้ง ออกไปพร้อมถือขวดนม เดินหายไป เมื่อเห็นว่าหายไปนาน จึงออกตามหาพร้อมโทรหาพ่อคือนายสุริยา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี  ช่วยกันตามหา จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าเห็น นายฉัตรมงคล สามีอุ้มลูกอยู่ที่เถียงนา ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 500 เมตร  จึงได้ตามไปเอาลูกกลับมา และสังเกตอาการลูกหายใจผิดปกติ ถึงได้ถามว่า เอายาพิษให้ลูกกินหรือ สามีบอกว่า ไม่ได้ให้ลูกกินแต่ตัวเองตั้งใจว่าจะกินเอง แต่มือไปโดนขวดนมป้อนลูก ลูกเลยติดยาพิษไปด้วย จากนั้นตนเองก็พาลูกไปรพ.ลำสนธิ แล้วต่อมา รพ.ลำสนธิ ได้ส่งเด็กไปรักษาต่อยังโรงพยาบาล สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจังหวัดลพบุรี และได้เสียชีวิตในวันที่ 30 ต.ค 67

นายสุริยา พ่อของ น.ส.สุกัญญารัตน์ เปิดเผยว่า หลังพบนายฉัตรมงคล ลูกเขยจึงพาไปส่ง  พ.ต.ท.ป้อมเพชร โชติกลาง  พงส.สภ.ลำสนธิ พร้อมกระป๋องซึ่งบรรจุยาพิษ พบในที่เถียงนา ที่พบนายฉัตรมงคล อยู่กับหลานสาววัย 4 เดือน สำหรับนายฉัตรมงคล ได้ให้การกับเจ้านายตำรวจว่า ตนเองไม่ตั้งใจ จะวางยาลูกสาว ตนตั้งใจจะกินยาพิษ เอง แต่มืออาจจะติดยาไปโดนขวดนมแล้วป้อนนมให้ลูกกิน ไปด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวนายฉัตรมงคล ไปทำแผนให้การรับสารภาพ ดังที่เกิดเหตุที่ไปพบอยู่กับลูกวัย 4 เดือน 

นายสุริยา เปิดเผยอีกว่า ลูกเขยคนนี้ คาดว่าจะมีอาการ ติดยา และเคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับลูกตนบ่อยครั้ง จากผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำปัสสาวะไปตรวจเมื่อคืนวันที่ก่อเหตุพบยาเสพ ติดในฉี่สีม่วง เคยทะเลาะกับตนเองถึงขั้นจะใช้อาวุธมีดไล่แทงตนเองด้วย เคยบอกลูกสาวแล้วด้วยว่าระวัง ลูกเขยคนนี้จะทำร้ายร่างกาย ลูกสาวแต่ก็มาก่อเหตุทำร้ายหลานสาววัย 4 เดือนจนได้