“บอสพอล”สั่งตรงจากในคุก ลุยเช็คบิล “เอก สายไหมฯ” ปมให้การเท็จทำ “ดิไอคอน” เสียหาย

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 31 ต.ค. 67 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าเยี่ยมบอสพอล ว่า วันนี้คุยกันหลายเรื่อง ส่วนมากเป็นความลับทางสำนวนบอกไม่ได้ แต่ตนก็รับนโยบายบางอย่างมา เช่น วันนี้ก่อน 16.30 น. ตนต้องเข้าไปพบ DSI เพื่อคุยเรื่องจะพาพยาน 2,000 คนไปสอบปากคำได้วันละกี่คน และเข้าไปที่หน่วยงานไหนซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดี

"ในส่วนของบอสพอลนั้นตอนนี้ก็ปกติสบายดี ไม่มีอะไร และยังไม่มีการสั่งให้ไปแจ้งความใครเป็นพิเศษ โดยตอนนี้เรากำลังแก้สถานการณ์กันอยู่ว่าจะเอาพยานปากไหนเข้าไปเพิ่มบ้าง และการกล่าวโทษแม่ทีมจะเดินไปอย่างไร ซึ่งตนมองว่ายังไม่ยังไม่รีบร้อน เตรียมเอกสารให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยดำเนินการ"ทนายวิฑูนรย์ กล่าว

สำหรับกรณีของ “เอก สายไหมต้องรอด” ที่มีการเอาพยานเท็จ บอสพอลได้มีการฝากอะไรเป็นพิเศษถึงกรณีนี้บ้าง นสยวิฑูรย์ ระบุว่า ได้มีการฝากมาให้ดูแล ขณะที่ทีมทนายอีกทีมกำลังดำเนินการอยู่ เร็วๆ นี้น่าจะมีการดำเนินคดี ซึ่งหลังจากที่ตนได้ฟังการให้สัมภาษณ์สื่อไป ก็รู้สึกตกใจมาก ว่าทำไมต้องมีการเตรียมพยานเท็จ และเหมือนมีการซักซ้อมพยานเท็จกันมา จึงไม่เข้าใจว่านายเอกภพ ทำเพื่ออะไร ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นที่มีการหารือกันในทีมทนายว่าทำไมต้องมีการตีข่าวว่าดิไอคอนจ่ายสินบน ถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างเสียใจ จากที่ควรจะเป็นคดีความปกติ กลับกลายเป็นว่าดิไอคอนจ่ายสินบนให้หน่วยงานต่างๆ ซึ่งไม่ดี ทำให้ทุกอย่างดูแย่ไปหมด

เมื่อถามต่อว่าทนายมั่นใจหรือมีหลักฐานหรือไม่ว่าเขามีการเตรียมกันมา นายวิฑูรย์  เผยว่า ในการสัมภาษณ์โทรทัศน์ช่องหนึ่งทางพยานก็ได้มีการบอกแล้วว่ามีการเตรียมการอย่างไร ตนไม่ได้คิดเอง แต่ฟังมาจากการให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่ง ส่วนจะให้ดำเนินการเอาผิดในเรื่องใดนั้น ต้องถามทนายว่าวางเกมเรื่องนี้ไว้อย่างไร แต่เบื้องต้นเอาผิดฐานหมิ่นประมาทแน่นอน โดยจะมีการเอาผิด 2 คน คือ นายเอกภพ และคนที่แถลงข่าว ส่วนข้อหาอื่นต้องดูอีกครั้ง เนื่องจากต้องเลือกข้อหาใดข้อหาหนึ่งระหว่างหมิ่นประมาทกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งตนจะเข้าไปยื่นเอกสารให้ DSI พิจารณาดำเนินคดีกับนายเอกภพ

ทนายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า  จากการพูดคุยกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ยังคงไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่มีใครแตกแถว

เมื่อถามว่าเรื่องของทนายคนดังตอนนี้มีหลักฐานอะไรที่จะดำเนินการบ้าง นายวิฑูรย์ ระบุว่า ตอนนี้ออร์เดอร์นี้ขอพักไว้ก่อน เพราะเขาก็มีปัญหาของเขาเยอะ ไม่มองว่าคนล้มอย่าไปซ้ำ ปล่อยให้เขาแก้ปัญหาของเขาไปก่อน ซึ่งมองว่าปัญหานี้เค้าก็เหนื่อย ต้องชี้แจงหลายๆ อย่าง ก็เอาใจช่วย

ส่วนกรณีที่ “เคนโด้” บอกว่าไม่ใช่วิสัยของทนายที่จะออกมาชี้ว่าวันนี้จะแจ้งความใครโดยบอกเป็นอักษรย่อแล้วให้สื่อไปหาเอง นายวิฑูรย์ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมอง ตนก็ไม่อยากจะว่าใคร เขาอาจจะมองว่าไม่ใช่วิสัยของทนาย แต่ตนก็เป็นทนายของบอสพอล

สำหรับกรณีที่ทางทนายเดชา ออกมาบอกว่าไม่ได้เก่งอยู่คนเดียวนั้น นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ถูกต้อง ตนไม่ได้เก่งอยู่คนเดียว ทุกคนมีความสามารถหมด แม้แต่ตัวทนายเดชาก็มีความสามารถ และเป็นทนายที่น่าเคารพนับถือด้วย หากจะโจมตีตนก็ไม่ได้ว่าอะไร ตนก็ไม่โจมตีกลับกัน ตนทำงานบนข้อเท็จจริงไม่ได้ทำงานบนกระแสสังคม ไม่ได้สนว่ากระแสสังคมจะมองกันยังไง เพราะมีหน้าที่เดียวคือทำให้ลูกความของตนบริสุทธิ์

เมื่อถามถึงการเปลี่ยนสถานะของแม่ข่ายที่เป็นผู้เสียหายไปเป็นผู้ต้องหา และอาจจะมีสถานะเป็นพยานซักทอด จะเป็นการลดความน่าเชื่อถือของพยาน หรือเป็นการเอื้อประโยชน์ชั้นศาลในอนาคตหรือไม่ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นการชี้ข้อเท็จจริงในคดีไม่ได้มองว่า เป็นการลดน้ำหนักพยาน แต่ก็แล้วแต่บุคคลว่าจะมองอย่างไร

เมื่อถามว่าหากไม่ได้เกี่ยวกับหลักฐานในคดีความ แต่เป็นการกู้คืนภาพลักษณ์ต่างๆ ของเหล่าบอส ใช่หรือไม่ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนมองเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ถ้าตนจะมองว่าเป็นกระแสสังคม แล้วกระแสดี แต่ถ้าคดีแพ้ตนก็ไม่เอา แต่ถ้าคดีนี้ชนะใครจะมองยังไงก็ไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายศาลจะเป็นผู้ตัดสิน ว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์หรือเราเป็นผู้กระทำความผิด

เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่าระหว่างทางนักสู้จะไม่เลือกวิถีในการสู้ใช่หรือไม่  นายวิฑูรย์กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ยืนยันว่า ตนไม่ได้ใช้วิธีวิ่งเต้นหรือใต้ดิน เพราะทนายแต่ละคนก็จะมีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป

ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่าจะชนะคดีนี้  นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของมรรยาททนายความ เราไม่สามารถประเมินผลคดีได้ แต่เราจะทำให้ดีที่สุดให้กับลูกความ

ส่วนเรื่องที่จะไปยื่นให้กับดีเอสไอเพื่อให้มีการดำเนินคดีกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งต้องดูว่าทางดีเอสไอเสียหายอะไรก็ต้องดำเนินคดีในข้อหานั้น ซึ่งตอนที่มีข่าวว่าทางผู้ใหญ่ของดีเอสไอ รับสินบนจากดิ ไอคอน ก็ทำให้เกิดความเสียหายทั้งฝั่งของดิ ไอคอน และดีเอสไอ ส่วนหากทางดีเอสไอไม่ดำเนินคดีจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร นายวิฑูรย์ กล่าวว่า แล้วแต่ดีเอสไอ หากไม่อยากกู้คืนชื่อเสียงที่เสียไปแล้ว จะไม่กู้คืนก็เรื่องของเขา

ส่วนแนวทางหรือหลักฐานในการยื่นประกัน นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ยังไม่มีแนว ทางการยื่นเพราะฐานที่มั่นเราอยู่ที่นี่ ซึ่งมันปลอดภัยดีแล้ว ซึ่งบอสที่เป็นผู้ชายอยู่ในเรือนจำจะใช้สมาธิดีกว่า ย้ำว่าทุกคนอยากออกมา แต่อยู่ข้างในเตรียมสู้คดีได้ง่ายกว่า แต่ก็ไม่ได้ห้ามหากคนไหนจะยื่นประกันก็สามารถทำได้ โดยในส่วนของ นายธวิณทร์ภัส ภูพัฒนรินทร์ หรือ ”บอสวิน“ ที่มีอาการป่วยโรคมะเร็ง จะต้องมีการพูดคุยกับเจ้าตัวและพิจารณาเรื่องของการยื่นประตัวออกมาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากหากออกมารักษาตัวข้างนอก ครอบครัวอาจจะสบายใจมากกว่า

ส่วนการแจ้งความในมาตรา 157 กับเจ้าหน้าที่ที่พานายอัจฉริยะ  เข้าไปในเรือนจำ นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ตนมองว่ายื่นหนังสือให้กับผู้บัญชาการเรือนจำก็พอ ให้ดำเนินการสอบสวนในเรื่องนี้แต่จะไม่ดำเนินคดีในส่วนของตำรวจ

สำหรับประเด็นหลักที่ได้รับมอบหมายจากบอสพอลซึ่งจะต้องทำอย่างเร่งด่วน วันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นหนังสือใน 2 ประเด็น คือ 1. สอบถามเรื่องรายละเอียดการนำพยานฝ่ายตนเองกว่า 2,000 คน เข้าไปให้ปากคำ ว่าจะต้องไปให้ปากคำที่ดีเอสไอ หรือ ปคบ. รวมถึงสอบถามศักยภาพของเจ้าหน้าที่ ว่าในแต่ละวันจะสอบปากคำพยานได้กี่คน

และ 2. ขอให้ดีเอสไอพิจารณาดำเนินคดีกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อต่อเพจสายไหมต้องรอด และพยานที่นายเอกภพพามา กรณีที่นำพยานเท็จเข้ามาพบตำรวจและอ้างว่าดีเอสไอเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เรียกรับเงินจาก ”ดิไอคอนกรุ๊ป“ ทำให้ดีเอสไอได้รับความเสียหาย ซึ่งดีเอสไอจะดำเนินคดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณา

#ข่าววันนี้ #ข่าวอาชญากรรม #อาชญากรรม #บอสพอล #บอสพอล #18บอส