สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

ท่ามกลางเสียงร้องระงม “ทำมาหากินฝืดเคือง”ดังไปทุกหย่อมหญ้า ทว่า ธุรกิจแบงก์กลับยังสามารถโกยรายได้มหาศาล ฟันกำไรแบบจุกๆ ไม่ได้มีอาการสะดุ้งสะเทือนจากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่หลายภาคส่วนมองกันว่ากำลังย่ำแย่แบบสุดๆ …*…

จากตัวเลขผลประกอบการในช่วงไตรมาสสามปีนี้ ของธนาคารชั้นนำ 10  แห่ง ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารกรุงไทย (KTB) บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) กลุ่มการเงินทิสโก้ (TISCO) ธนารคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LHFG) และ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) นั้น มีกำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 63,583 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.91% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จาก 59,474 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นราว 1.06% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ โดยธนาคารที่มีกำไรสูงสุดคือ ธนาคารกรุงเทพ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 12,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.92% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5.67% จากไตรมาสก่อนหน้า ถัดมาคือ กสิกรไทย กำไรสุทธิ 11,965 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.23% จากปีก่อนและ 9.26%จากไตรมาสก่อนหน้า อันดับสามคือ ธนาคารกรุงไทย กำไรสุทธิอยู่ที่ 11,107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.02% จากปีก่อน แต่ลดลง 0.79% จากไตรมาสก่อน แต่ธนาคารที่เติบโตสูงสุดคือ ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กำไรสุทธิอยู่ที่ 595 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 61% จากปีก่อน ...*...

หากดูจากผลประกอบการรวมทั้ง 9 เดือนปีนี้ พบว่า กำไรสุทธิของทั้ง 10 ธนาคารดังกล่าวอยู่ที่ 190,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.75% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 181,391 ล้านบาท …*…

ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายๆ ฝ่ายมาตลอดว่าค่อนข้างสูงเกินกว่าควรจะเป็น ได้สร้างรายได้มหาศาลให้กับธนาคารพาณิชย์โดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไรมาก จึงไม่แปลกที่จะมีคำถามอย่างต่อเนื่องถึงธนาคารแห่งประเทศไทยที่ประกาศถึงความเป็น “อิสระ”ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น เป็น “อิสระ”ที่ใครได้รับผลประโยชน์ ระหว่างคนเล็กคนน้อยทั้งประเทศที่กำลังแบกหนี้ -  ภาระดอกเบี้ยกันหลังแอ่น หรือเหล่านายทุนเจ้าของธนาคารพาณิชย์ …*…

ต้องยกให้เป็นคดีแห่งปีโดยแท้สำหรับเรื่องราวปมปัญหาของ“ดิไอคอนกรุ๊ป”เพราะนอกจากมีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก คิดเป็นวงเงินมหาศาลแล้ว ยังสร้างแรงสั่นสะเทือนไปแทบทุกแวดวง โดนกันถ้วนหน้า ตั้งแต่ดาราระดับแถวหน้า พระชื่อดัง ทนายเซเล็บ นักร้องที่ทำมาหากินกับเหยื่อ และแน่นอนที่เจอเข้าไปเต็มๆ ไม่พ้นนักการเมืองเจ้าเก่า ที่หลังพรรคพลังประชารัฐเคยตกเป็นเป้าถูกพาดพิง ล่าสุด ก็ได้ออกมาเอาคืนบ้าง …*…

“กรณีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ที่มีการพาดพิงถึงสมาชิกพรรคคนหนึ่งคือ นายสามารถ เจนชัยจิตวณิช และพยายามพาดพิงถึงผู้ใหญ่ในพรรคเกี่ยวกับเงิน 31 ล้านบาท วันนี้พิสูจน์แล้ว เงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้จ่ายจริง มีการพยายามใช้ข้อมูลเป็นเท็จให้ประชาชนเข้าใจผิดว่า ผู้ใหญ่ของพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับจีนเทา มีการใช้นอมินีถือหุ้นว่า นางจินดา แซ่ก๊อก ซึ่งเป็นมารดาของบอสพอล วันนี้เวรกรรมมีจริง ทนายโจรกำลังรับวิบากรรมตามสิ่งที่ตัวเองได้กระทำมา  ส่วนเทวดาที่ประชาชนถามหาว่าใครคือเทวดาตัวจริง อยู่เบื้องหลัง  เบอร์หนึ่งของดิไอคอนคือ บอสพอล เบอร์สองคือ บอสแซม ที่เป็นอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. และอดีตผู้สมัครสส. ของพรรคเพื่อไทย   นอกจากนี้หนึ่งในผู้ให้การสนับสนุนดิไอคอน เป็นเจ้าของรายการหนึ่งเกี่ยวข้องกับคนอายุน้อย ใช้ชื่อว่าบอสก้อง เคยเชิญผู้บริหารดิไอคอนมาออกรายการ ให้การสนับสนุน เชิญชวนให้ประชาชนสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งบอสก้องเป็นอดีตผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน มีความสนิทสนมกับผู้ใหญ่คนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย มีการลงทุนในบางกิจกรรมร่วมกัน” ถ้อยแถลงจากพล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ…*…

 พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.ปิยะยังตังข้อสังเกตด้วยว่า เรื่องดิไอคอนถูกเพิกเฉยมาตลอดตั้งแต่ปี 61-67 ได้อย่างไร ไปเปิดดูชื่อกรรมาธิการ (กมธ.) การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ไม่ทราบว่าชื่ออะไร แต่อักษรย่อ ม. อยู่พรรคเพื่อไทย จ.ชัยภูมิ ส่วนเลขานุการ กมธ. ตอนนี้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใน ครม.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งไม่ทราบว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะกล้าสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ตรงไปตรงมาหรือไม่ ทั้งนี้เรื่องดิไอคอน เคยมีการร้องเรียนผ่านอนุ กมธ. การคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เรื่องถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) แล้วจบลงอย่างไม่มีอะไร ถ้าในวันนั้นมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา ผู้เสียหายคงไม่เยอะเท่าทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีการร้องเรียนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 …*…

“สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องคล้ายๆ กับเทวดา ยังมีบุคคลที่มีชื่ออักษรย่อ ก. ธ. ส. ต. อ. และจ่าคนหนึ่ง ซึ่งบุคคลทั้ง 6 คนนี้มีความใกล้ชิดและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองที่ร่วมรัฐบาล เป็นนักการเมืองอยู่ในพรรคเพื่อไทบเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะ ส. อ. ด.  เดาง่ายๆ ว่า เทวดาอยู่ข้างหลังเป็นใคร ที่สำคัญคือ จากประวัติของนายสามารถเมื่อปี 57 เป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร และปี 62 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม เสียงในคลิปต่างๆ จะเห็นว่า สามารถแต่งตั้งดีเอสไอได้ในขณะนั้น ซึ่งนายสามารถเป็นผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม ย่อมสามารถหาได้ง่ายๆ ว่า ใครเป็น รมว.ยุติธรรม ”พล.ต.ท.ปิยะระบุ พร้อมกับกล่าวฝากไปถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ว่าอยากให้สอบถึงนักการเมืองหรือบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับดิไอคอน ผู้ที่เป็นตัวแปรสำคัญคือ ผู้สอบบัญชีดิไอคอน ที่รอดจากการตรวจสอบบัญชีของสรรพากรมาได้อย่างไรตั้ง 6-7 ปี แล้วมีความสนิทสนมกับใครในรัฐบาลนี้ …*…

 ก็ต้องรอดูกันต่อไป เมื่อถึงคราว “น้ำลดตอผุด”จะมีการตอบโต้เช่นใดจากพรรคเพื่อไทย และใครคือ “ตัวละคร” ต่อไป ที่จะมีการเปิดเผยชื่อ และพฤติกรรมเกี่ยวโยงกับดิไอคอน กรุ๊ป ในทางมิชอบ ...*...

ที่มา:เจ้าพระยา (31/10/67)