ด้วยศักยภาพของย่านรัชดา-พระราม 9 ที่กำลังเติบโตเป็นศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ใหม่ของกรุงเทพฯ จึงทำ โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ ภายใต้เครือไมเนอร์ โฮเทลส์ เตรียมความพร้อมให้บริการแขกผู้เข้าพักอย่างเป็นทางการรับช่วงไฮซีซัน สอดรับธุรกิจท่องเที่ยวฟื้นตัว ด้วยแนวคิด “EAT-MEET-SHOP-PRAY” ที่ดึงเอาจุดแข็งด้านโลเคชันของโรงแรมที่แวดล้อมไปด้วยบริษัทชั้นนำ แหล่งช้อปปิ้ง ศูนย์การค้าด้านไอที ศูนย์การประชุม ย่านสตรีทฟู้ดและไนท์มาร์เก็ตชื่อดัง สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมยอดนิยม เพื่อตอบโจทย์ สายกิน สายอีเวนต์ สายช้อป ไปจนถึงสายมู พร้อมเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย ทั้งนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความสะดวกสบายและทันสมัย
ตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้า
โดย นางสาวชิดชนก พศินพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป ของโรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ กล่าวว่า จะมุ่งตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 402 ห้อง ตกแต่งด้วยงานศิลปะและภาพแผนที่กรุงเทพในอดีตอันโดดเด่น แขกผู้ใช้บริการสามารถเพลิดเพลินกับอาหารนานาชาติและอาหารไทยได้ตลอดทั้งวันกับห้องอาหาร วัน รัชดา รวมถึงลิ้มรสอาหารจีนชั้นเลิศกับห้องอาหารจีน หนานหยวน กับบาร์ 2 แห่ง และยังมี เมโทร เลานจ์ พื้นที่แห่งการผ่อนคลายกับเครื่องดื่มแก้วโปรด และ เดอะ แพนทรี พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารแสนอร่อยสไตล์ Grab-and-go และยังมีศูนย์เวลเนสอันทันสมัยเต็มรูปแบบครอบคลุมพื้นที่ชั้น 12 ของโรงแรม ประกอบด้วย อวานี ฟิต ที่ครบครันไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกาย สระว่ายน้ำเอาท์ดอร์ สปา ซาวน่า ไปจนถึงบ่อออนเซ็นแบบญี่ปุ่น เพื่อให้แขกผู้ใช้บริการได้ผ่อนคลายอย่างสูงสุด
นอกจากนี้ โรงแรม อวานี รัชดา ยังสามารถรองรับกิจกรรมในทุกรูปแบบ ด้วยห้องประชุม 11 ห้อง และห้องบอลรูมขนาดใหญ่กว่า 924 ตารางเมตร เหมาะสำหรับการจัดงานเวิร์กช็อป งานประชุม งานเลี้ยง หรืองานแต่งงาน การเดินทางมายังโรงแรมอย่างง่ายดายและแสนสะดวก เนื่องจากที่ตั้งของโรงแรมอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) พระราม 9 และไม่ไกลจากรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ อีกทั้งใช้เวลาเพียง 30 นาทีในการเดินทางไปยังสนามบินทั้ง 2 แห่งอีกด้วย
ตอกย้ำกลยุทธ์การขยายแบรนด์
ทั้งนี้ นางสาวชิดชนก กล่าวว่า โงแรมแห่งนี้เป็นการตอกย้ำกลยุทธ์การขยายแบรนด์โรงแรมอวานีของเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโรงแรมในทำเลที่ตั้งที่ดีและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย และเป็นไปตามแผนขยายธุรกิจของเครือไมเนอร์ ที่มีเป้าหมายการเปิดให้บริการโรงแรมใหม่เพิ่มกว่า 200 แห่ง ทั่วโลก รวมทั้งการลงทุนในประเทศไทย ในช่วงปี 2567- 2569
จุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์
ซึ่งนางสาวชิดชนก กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าที่จะพัฒนาให้ อวานี รัชดา เป็นหนึ่งในโรงแรมชั้นนำของย่านธุรกิจใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุก เพื่อเป็นจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เดินทางทั้งเพื่อการติดต่อธุรกิจ การพักผ่อน ไปจนถึงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย โดยผลประกอบการหลังการรีแบรนด์ น่าจะเพิ่มรายได้ขึ้นอีก 10% ในปี 2568 และโต 25-30% ภายในปี 2570
สำหรับกลุ่มลูกค้าของโรงแรมแห่งนี้ จากเดิมเป็นกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยวลูกค้า 30% กรุ๊ปสัมมนา ประชุม ธุรกิจ (Corporate) 20% กลุ่มลูกเรือสายการบิน 10% และเป็นลูกค้าจองตรง ผ่านเว็บไซต์โรงแรมหรือ OTA (Online Travel Agency) 40% แต่ภายหลังจากรีแบรนด์โรงแรมจากแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เป็น อวานี รัชดา กรุงเทพฯได้ตั้งเป้าลูกค้า 55% เป็นกลุ่มจองตรงด้วยตนเอง 10% กลุ่มลูกเรือสายการบินจะยังคงไว้ ส่วนที่เหลือ 35% เป็นลูกค้ากรุ๊ปทัวร์และกรุ๊ปสัมมนา แต่ถ้าเป็นไปได้ต้องการให้กรุ๊ปสัมมนามีมากกว่า เพราะปกติกรุ๊ปสัมมนาจะมีการใช้จ่ายอื่นๆ ครบวงจรกับโรงแรมด้วย เช่น ห้องประชุม จัดเลี้ยงอาหาร ซึ่งทำให้โรงแรมได้ยอดใช้จ่ายที่ดีกว่ากรุ๊ปท่องเที่ยว
พร้อมกันนี้ นางสาวชิดชนก กล่าวว่า เป้าระยะสั้นในช่วงไฮซีซัน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ อวานี รัชดา กรุงเทพฯ จะเพิ่มอัตราเข้าพักเป็น 85% ขึ้นไป ส่วนเป้าระยะยาวหลังรีแบรนด์เสร็จแล้ว 3 ปี หวังเพิ่มรายได้รวมของโรงแรมขึ้น 25-30% จากการเพิ่มอัตราราคาเฉลี่ยรายวัน (ADR) และการเพิ่มรายได้จากบริการจัดเลี้ยง-ห้องประชุมดังกล่าว
อีกทั้งทางโรงแรมจะดึงลูกค้าให้หลากหลาย เนื่องจากปัจจุบันลูกค้า 15% เป็นคนไทย 85% เป็นต่างชาติ ซึ่งกลุ่มติหลักที่มาเกิน 60% ของลูกค้าทั้งหมดคือคนจีน ฮ่องกง และไต้หวัน แต่ภายหลังจากใช้ชื่อแบรนด์อวานี น่าดึงดูดกลุ่ม ยุโรป เข้ามามากขึ้น จากเดิมกลุ่มยุโรปมีเพียง 10% น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ได้ รวมถึงอีกกลุ่มลูกค้าที่เล็งตลาดไว้คือการเจาะเข้าไปในกลุ่ม ตะวันออกกลางซึ่งจะเป็นการทำตลาดใหม่ในโซนรัชดาภิเษก