ลามถึง "การเมือง" แล้ว! “ภูมิธรรม” ท้าเปิดชื่อ “เทวดา” เอี่ยวส่วยคดี “ดิไอคอน” ที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย "ดนุพร" จวก "พปชร."โบ้ยปม "ดิไอคอน" ให้ "เพื่อไทย" หวังแก้เก้อ แนะทบทวนตัวเองก่อนพาดพิงคนอื่น ด้าน "โฆษก พปชร." ไล่ "เพื่อไทย" ปัดกวาดบ้านตัวเองก่อน อย่าเล่นการเมืองแบบเก่า เล็งฟ้อง "ทนายดัง" ทำ "ลุงป้อม" เสียหาย ขณะที่ "แทนคุณ" ชี้เปิดชื่อ "นักการเมือง" เอี่ยวจ่ายเงินใต้โต๊ะ "คดีดิไอคอน" อาชญากรรมเชิงระบบ มั่นใจ "เทวดา ส." อยู่ใน "พรรคเพื่อไทย"
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการแถลงข่าวโดยเปิดเผยตัวย่อชื่อบุคคลในพรรคเพื่อไทย (พท.) มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทวดาคดีดิไอคอน ว่า ทุกวันนี้ เราอย่าอยู่กับการคาดเดา เพราะการคาดเดาเมื่อพลาดขึ้นมา มันจะทำให้คนที่ถูกคาดเดาเกิดความเสียหายได้ และตนคิดว่าวันนี้เราต้องอยู่กับความเป็นจริง ซึ่งกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพร้อมทำหน้าที่อยู่แล้ว ถ้ามีความชัดเจน ซึ่งขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นคดีดิไอคอนหรือคดีใด เราได้ใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการอย่างเต็มที่ หากเกี่ยวพันไปถึงใครเรายึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งกระบวนการก็ทำหน้าที่ของมัน "ผมอยู่กับความเป็นจริงครับ แล้วเอาข้อเท็จจริงมาดู แล้วดูว่ากระบวนการยุติธรรมมีการจัดการอย่างไร" นายภูมิธรรม กล่าว
ส่วนที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ มีการแถลงข่าว และพูดชื่อตัวย่อคนในพรรคเพื่อไทยมองเป็นการหวังผลทางการเมืองหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่ถ้าจะให้รัฐบาลทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ขอให้นำส่งหลักฐานมา ไม่ใช่การคาดเดา และดูกระบวนการตรวจสอบของเราดี และสมบูรณ์แล้วหรือยัง พร้อมย้ำว่าวันนี้อยู่กับความเป็นจริง ซึ่งตนเป็นห่วงเรื่องดราม่า อย่าให้ดราม่ามากำหนดความเป็นจริง
ด้าน นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหาและมีความพยายามเชื่อมโยงว่า ประธานกรรมาธิการ (กมธ.)การคุ้มครองผู้บริโภค ของพรรคเพื่อไทย เพิกเฉย ต่อกรณีของบริษัท ดิไอคอน ในปีที่ผ่านมา ว่า กรณีที่โฆษก พปชร.อ้างถึง เกิดขึ้นในปี 2566 ก่อนพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำรัฐบาล จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นข้าราชการเกษียณจาก จ.ชลบุรี ร้องเรียนหน่วยงานหลายแห่ง แต่ไม่มีหน่วยงานใดรับ เมื่อเรื่องมาถึงสภาผู้แทนราษฎร กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ได้ส่งเรื่องให้คณะอนุ กมธ.ศึกษากลั่นกรองเรื่องร้องเรียนและสภาพปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ใน กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค ดำเนินการต่อ เนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมาก อนุฯ กมธ.ศึกษากลั่นกรองฯ ได้เรียกผู้แทนจาก สคบ. และ บริษัท ดิ ไอคอน เข้ามาสืบค้นความจริง ชี้แจง และไกล่เกลี่ยให้ได้ข้อยุติ มีการประชุมอนุฯกลั่นกรองเกือบทุกสัปดาห์ จนในท้ายที่สุด บริษัท ดิ ไอคอน ได้จ่ายเงินคืนให้ผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายไม่ประสงค์ดำเนินคดี มีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ไว้เป็นหลักฐาน และในการประชุมของอนุ กมธ.กลั่นกรองฯ ก็มีบันทึกข้อยุตินี้ สามารถสืบค้นได้ ซึ่งทั้งหมดชี้ให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะกรรมาธิการและอนุฯ กลั่นกรองฯ ในขณะนั้น ได้ใช้อำนาจที่มีของ กมธ.สอบตรวจสอบข้อเท็จจริง ไกล่เกี่ย และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่ผู้ตัดสินผิดถูก ทั้งยังสามารถทวงคืนความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในกรณีคดีของ บริษัท ดิ ไอคอน ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และดีเอสไอ ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วและทำงานอย่างหนัก ขณะที่รัฐบาลได้เดินหน้าในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ทุกฝ่าย นับตั้งแต่น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการทุกภาคส่วน เร่งแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าว น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปยังหน่วยงานในกำกับ คือ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างรัดกุม เช่น พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค กระทรวงการคลัง โดยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งพิจารณารายละเอียดการยกร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 เพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์มากขึ้น
นายดนุพร กล่าวว่า ในระยะเวลา 1 ปีกว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เมื่อมีประเด็นปัญหาของพี่น้องประชาชน ทุกฝ่ายเดินหน้าเต็มที่ ในขณะที่ใน 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ มีเรื่องร้องเรียนในกรณีดังกล่าวจำนวนมาก แต่มีความคืบหน้าหรือไม่ ทั้งที่บริษัทดังกล่าวดำเนินกิจการตั้งช่วงโควิดระบาด ในปี 2562 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นช่วงที่พรรค พปชร.เป็นแกนนำรัฐบาล ดังนั้น โฆษก พปชร.ควรทบทวนตัวเองก่อนที่จะพาดพิงผู้อื่น
“การกล่าวหาของโฆษก พปชร.เป็นแค่การแก้เก้อ พยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจของสังคม จากการที่คนในพรรค พปชร.มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้หรือไม่ คดีเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดำเนินมากี่ปี จนปัญหาปะทุขึ้นในตอนนี้ ตอนที่เราเป็นฝ่ายค้านเราทำเต็มที่ใช้ทุกช่องทางที่มีช่วยประชาชน เมื่อเป็นรัฐบาล ผมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเองก็ทำเต็มที่เหมือนกัน” นายดนุพร กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาตอบโต้ ภายหลังพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวเชื่อมโยงกรณี ดิไอคอน กรุ๊ป กับพรรคเพื่อไทย ว่า เราไม่ได้กล่าวหา แต่อยากให้ไปดูเรื่องความเชื่อมโยง เช่น บอสแซม ก็เป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย อันนี้ชัดเจน และบอสก้อง ก็เคยเป็นผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะหลีกหนีเรื่องนี้ไม่ได้ แล้วจะมาบอกว่า นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสามมิตร หรือพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะเคยถูกตั้งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร อันนี้มีหลักฐานชัดเจน
เมื่อถามว่า การเอ่ยชื่อของกลุ่มสามมิตรจะกระทบถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คำสั่งแต่งตั้งนายสามารถเป็นอย่างนั้น ใช้ชื่อตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์ของกลุ่มสามมิตร
เมื่อถามว่าในทางกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนที่ทนายเดชา บอกว่าทนายโจร ต้องให้ฝ่ายกฎหมายดู ว่ามีความผิดมากน้อยแค่ไหน เพราะทนายคนดังกล่าวเคยออกมากล่าวหาหัวหน้าพรรคของเรา โดยการโยงกับเงิน 31 ล้านบาท และก็มีความพยายามโยงว่า การถือหุ้น 21% เป็นทุนจีนสีเทา แต่ก็ปรากฏชัดออกมาแล้ว และอีกไม่กี่วันตำรวจ ก็คงจะเปิดเผย และที่เรารู้กันดีคือ 21% ที่ถือหุ้นบอสพอลคือ นางจินดา แซ่ก๊อก ซึ่งเป็นแม่ของบอสพอล ไม่ใช่นอมินี ไม่ใช่ทุนจีน แต่มีความพยายามโยง เพื่อให้ประชาชนไขว้เขว ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอีกครั้ง
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยควรแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจนหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า คงไม่ต้องชี้แจงอะไร เพราะสื่อมวลชนและประชาชนทราบดีอยู่แล้ว สิ่งที่ต้องพยายามทำคือ ปัดกวาดบ้านตัวเองจะดีกว่า ปัดกวาดคนที่ไม่ดี คนที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีออกไป การเมืองจะได้ใสสะอาดขึ้น ปีนี้ 2567 แล้ว อย่าเล่นการเมืองแบบเก่าๆ หรือการเมืองแบบใส่ร้ายป้ายสีกันเลย เรามาช่วยกันพัฒนาประเทศดีกว่า
ขณะที่ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ มีการเปิดเผยอักษรตัวย่อผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีดิไอคอน ว่า ตนพอจะเดาได้ เพราะอยู่ในการเมืองช่วงนั้นพอดี เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีนักการเมือง และอาจจะข้าราชการเกี่ยวข้องด้วย แต่ประเด็นที่น่าสงสัยคือ ทำไมถึงย้ายการดำเนินคดีจากกองปราบปราม ไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ความสงสัยนี้ไม่อาจคลี่คลายไปด้วยเหตุผลที่ว่า ดีเอสไอมีอำนาจสอบสวน เพราะตำรวจก็มีอำนาจสอบสวนเหมือนกัน คดีที่กำลังดำเนินการไปได้ด้วยดี สงสัยอะไรไม่ได้เลย นอกจากมีอำนาจมืด หรือเป็นอำนาจของเทวดาหรือไม่ เรื่องนี้คงไม่ใช่เจ้าหน้าที่มาตอบ แต่ควรจะต้องเป็นผู้มีความคิดริเริ่มที่จะโยกย้ายคดี
ส่วนที่พรรคการเมืองมีการเปิดเผยตัวย่อเชื่อมโยงกับพรรคเมืองขั้วตรงข้ามนั้น นายแทนคุณ ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดี คดีดังกล่าวจะเป็นการขยายบ่วงกรรมของแชร์ลูกโซ่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปรับกรรม แบบไม่มีข้อยกเว้น ว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่ที่ทราบกันดี ปัญหาการทุจริตในประเทศไทยแทรกซึม และแผ่ขยายไปยังทุกวงการ โดยเฉพาะการเมือง และวงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี และการตรวจสอบ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีความหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมาย
“การจ่ายเงินใต้โต๊ะ การวิ่งเต้นเส้นสาย การหาผู้มีอิทธิพลหนุนหลังเป็นแบคอัพให้ มันเป็นสิ่งที่ถึงเวลาเปิดโปง และจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด หลายคนบอกเป็นแค่เรื่องการเงิน เศรษฐกิจ แต่ที่จริง เป็นเรื่องของประชาชน ที่ถูกระบบเหล่านี้ทำร้าย ซึ่งเรียกว่าความรุนแรงเชิงระบบ หรือจะเรียกว่าเป็นการก่ออาชญากรรมเชิงระบบโดยรัฐ เป็นเรื่องดีที่ฝ่ายการเมือง จะขยายผลไปสู่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจริง" นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ กล่าวอีกว่า ผู้ที่ถูกเปิดอักษรย่อมา หากปัจจุบันยังอยู่ในรัฐบาล เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา
"เทวดา ส. เป็นตัวเล็กในกลุ่มใหญ่ แต่จะเป็นการขยายผล จากไม้ขีดก้านเดียว เผาบ้านป่าทั้งหลังให้ไหม้ได้หรือไม่ ผมมองว่าโฆษกพรรคพลังประชารัฐได้ป้องกันไว้ก่อน ด้วยความที่เป็นตำรวจเก่าน้ำดี ก็พยายามโยนกลับไป ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจริงๆ ในบรรดา 5-6 คนที่เปิดมา ผมคิดว่าหลายคนอาจจะเดาได้ และมีความพยายามที่จะโยนไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น เพื่อให้เห็นภาพว่าเป็นผู้คุมบังเหียน กำกับดูแลเรื่องตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้" นายแทนคุณ กล่าว
เมื่อถามว่า มีการโยนไปถึงกลุ่มสามมิตร ก็แน่นอนว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อยู่ในกลุ่มสามมิตร และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้นด้วย ที่แต่งตั้งนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ถ้าเกี่ยวโยงกันจริง อำนาจในการขยายผล ก็น่าคิดว่าเป็นของฝ่ายค้าน ถ้าเป็นข้าราชการที่อยู่ภายใต้สังกัดคงไม่กล้า ตนเชื่อว่า เงินที่หมุนอยู่ในส่วย อาจจะมีมากพอ ที่จะทำให้เกิดการแสดงตัว หรือออกมาปกป้องคุ้มครอง ให้การทำงานของดิไอคอน ยังดำเนินต่อไปในช่วงเวลานั้น
เมื่อถามย้ำว่า สรุปแล้ว เทวดา ส. อยู่พรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคเพื่อไทย นายแทนคุณ กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวคิดว่าอยู่จากพรรคเพื่อไทย จากข้อมูลที่ติดตาม เหตุการณ์เกิดในช่วงเวลานั้น แต่ยืนลืมว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ เคยทำงานด้วยกันเป็นรัฐบาล เราไม่อยากไปกล่าวหา อยากจะติดตามจากข้อมูลที่เกิดขึ้น มีร่องรอยที่แปลกประหลาดหลายอย่าง