ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล
เส้นทางเริ่มต้นของ เคที เพอร์รี ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ประมาณหนึ่ง
เข้าวงการเพลงตั้งแต่อายุ 16 กับ Katy Hudson อัลบั้มกอสเพล (ที่แตกต่างสุดขั้วกับตอนนี้) ไม่ประสบความสำเร็จเลยในเชิงพาณิชย์ แล้วยังถูกต้นสังกัดที่เซ็นไว้ “ไม่สนใจ” จะออกผลงานให้ แต่ในที่สุดหลังเปลี่ยนภาพและงานมาเป็นสาวป๊อป-ร็อก ก็เริ่มมีชื่อเสียง จากเพลง “I Kissed a Girl” อีก 7 ปีต่อมากับอัลบั้ม One of the Boys (2008) เพลงอารมณ์แก่นเซี้ยวที่เตะหูทั้งคำร้อง ทำนอง และการร้องของเธอ
หลังจากนั้น เคที เพอร์รี ก็กลายเป็นชื่อสามัญประจำบ้าน เพลงฮิตมากมายหลั่งไหลจากอัลบั้มอย่าง Teenage Dream (2010) และ Prism (2013) ไม่ว่าจะเป็น “Teenage Dream”, “California Gurls”, “Firework”, “Dark Horse” และ “Roar” เพลงฮิทระเบิดระเบ้อในปี 2013 ที่ทำให้เธอแสดงในโชว์พักครึ่งของการแข่งขันซูเปอร์โบว์ลครั้งที่ 49 อีกสองปีถัดมา ก่อนจะค่อยๆซึมลงไปเล็กน้อย ไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างอย่าง Witness (2017) และ Smile (2020) แต่ถึงอย่างนั้น เคที เพอร์รี ก็ยังเป็นศิลปินหญิงเบอร์ต้นๆของวงการเพลงอยู่ดี
ดูเหมือนว่า เพอร์รี จะยังหาหนทางกลับไปหาความสำเร็จอย่างที่เคยได้ไม่เจอใน 143 อัลบั้มล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 กันายาน ที่ผ่านมา ชื่ออัลบั้ม-นอกจากมีความหมาย “ฉันรักเธอ” แล้วยังเป็น “เลขนางฟ้า” ของเธออีกด้วย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยส่งเสริมสักเท่าไหร่
เพอร์รี บอกว่างานชุดนี้เธอเขียนขึ้นจากประสบการณ์ตรงตัวเอง ที่เกี่ยวเนื่องกับความสัมพันธ์แบบคู่รัก และความภาคภูมิใจในความเป็นผู้หญิง-อย่างที่ได้ยินใน “Woman’s World” เพลงเปิดหัวที่บ่งบอกแนวคิดของอัลบั้มนี้ แต่หลังจากนั่งฟัง 143 หลายรอบวนไป พบว่าเพลงป๊อป-แด๊นซ์ของ เคที เพอร์รี น่าผิดหวังอยู่สักหน่อย ค่าที่องค์รวมของอัลบั้มออกจะราบเรียบ ไม่กระฉับกระเฉง ไร้ชีวิตชีวา และขาดเสน่ห์ชวนติดใจเหมือนเพลงฮิทเก่าๆของเธอ ที่มีทั้งลูกเล่นแพรวพราวและการร้องเพลงที่ได้อารมณ์เน้นๆ เหมือนว่าพลังสร้างสรรค์ที่เคยมีสมัยแรกเริ่มหล่นหายไป กลายเป็นเพลงเต้นรำธรรมดาที่ไม่มีอะไรชวนจดจำมากมาย
แต่ใช่ว่าทุกเพลงจะน่าเบื่อ ใน 143 ยังมีเพลงที่เรียกว่ามีอารมณ์ร่วม โยกหัวโยกตัว และสนุกตามได้ไม่ขัดเขินอยู่บ้าง อย่าง “Woman’s World”, “I’m His, He’s Mine” ที่เธอร้องร่วมกับ โดชิ นักร้องสาวผิวสี บีทไม่เร่งเร้าแต่เมโลดีติดหู หรือ “Lifetimes” แด๊นซ์-ป๊อปที่หลับตานึกภาพดีเจ เปิดแผ่นตามคลับได้เลย (แอบนึกถึง เอวิชี และ คาลวิน แฮร์ริส ขึ้นมานิดๆ), “Artificial” ที่มีแรปเปอร์ เจไอดี มาช่วยส่งเสียงในเพลงเทคโนผสมฮิป-ฮอปอ่อนๆ และ “Wonder” เพลงที่ เพอร์รี เขียนให้ เดซี ลูกสาว-ที่มีเสียงร้องในเพลงนี้ด้วย
143 ไม่ใช่งานเพลงที่ฟังแล้วติดหู หรือจับจิตจับใจ อย่างที่ เคที เพอร์รี เคยทำได้ในช่วงแรกๆของอาชีพ (โดยเฉพาะสามอัลบั้มแรก) และดูเหมือนว่าเธออาจจะต้องหา “ทาง” ใหม่ในการกลับไปยืนในจุดที่เคยทำได้กับ “Roar” เมื่อสิบปีก่อน
ขอบคุณภาพจาก Universal Music