วันที่ 30 ตุลาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรมช.มหาดไทย ผู้ร้อง (โดย นายยุทธชัย เข็มเฉลิม ผู้รับมอบฉันทะ) กล่าวอ้างว่า การกระทำขององค์คณะผู้พิพากษาศาลแขวงดุสิตในการพิจารณาและพิพากษาคดีอาญา คดีหมายเลขดำที่ 254/2547 คดีหมายเลขแดงที่ 3501/2552 และการกระทำขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาในการพิจารณา และพิพากษาคดีอาญา คำพิพากษาที่ 8064/2560 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 28 วรรคสาม และมาตรา 188 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 139(4) และมาตรา 185 วรรคหนึ่ง หรือไม่
เนื่องจากศาลฯพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสาร ประกอบคำร้อง ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า การกระทำขององค์คณะผู้พิพากษาศาลแขวงดุสิตและองค์คณะผู้พิพากษา ศาลฎีกาในการพิจารณาและพิพากษาคดีอาญาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 28 วรรคสาม และมาตรา 188 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) และมาตรา 185 วรรคหนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเกิน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งความเห็นของผู้ตรวจการแผ่นดินหรือวันที่พ้นกำหนดเวลาที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีไม่เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 46วรรคหนึ่ง ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวต่อ ศาลรัฐธรรมนูญได้
ทั้งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาคดีที่นายวัฒนายื่นร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น เป็นองค์คณะที่พิจารณาและมีคำพิพากษาจำคุกนายวัฒนา เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากทุจริตการจัดซื้อที่ดิน และสัญญาโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ ซึ่งนายวัฒนาหลบหนีออกนอกประเทศ และศาลจึงสั่งออกหมายจับเพื่อมารับโทษตามคำพิพากษาต่อไป ภายในอายุความ 15 ปี นับตั้งแต่วันที่หลบหนี ซึ่ง ณ ปัจจุบันคดีหมดอายุความไปแล้ว และนายวัฒนาได้เดินทางกลับเข้าประเทศไทย โดยเมื่อช่วง พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏคลิปนายวัฒนา ไปร่วมแสดงความยินดีในพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของ นายสุนทร ปานแสงทอง อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์