การส่งเสริมสุขภาพจิตในระดับชุมชนให้สัมฤทธิ์ผล และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกภาคส่วนของประเทศได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยกลไกท้องถิ่นช่วยขับเคลื่อนนโยบายด้านสาธารณสุข
จากเวทีเสวนาทิศทางกลไกชุมชนท้องถิ่นกับการส่งเสริมสุขภาพจิตภายใต้หัวข้อ “สานพลังเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่น" ในงานประชุม “เวทีขับเคลื่อนเชิงนโยบายภาคีเครือข่ายในการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่น” โครงการพัฒนาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตลอดช่วงชีวิต โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ (มสช.) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โรงพยาบาลศรีธัญญา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และมูลนิธิบุญยง-อรรณพ นิโครธานนท์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้มุ่งเน้นให้เห็นถึงบทบาทสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กับการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตใน 3 ประเด็นคือ 1.สถานการณ์ความรุนแรง 2.แนวทางการดำเนินงานของชุมชนท้องถิ่นกับการส่งเสริมสุขภาพจิต และ 3.ข้อเสนอแนะการส่งเสริมและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่น เพื่อร่วมสร้างแนวทางที่ทำได้จริง และให้ทุกชุมชนสามารถเข้าถึงการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ผ่านภาพความสำเร็จใน 3 พื้นที่น่าสนใจ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลวังกรด (อบต.วังกรด) อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร องค์การบริหารส่วนตำบลวังสะพุง (อบต.วังสะพุง) อ.วังสะพุง จ.เลย และ องค์การบริหารส่วนตำบลผักไหม (อบต.ผักไหม) อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ที่กลายเป็นต้นแบบในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้สุขภาพจิตชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของ อปท.
“งานศพจบที่เรา” สู่แนวทางพัฒนาวัยเก๋าช่วยบำบัดสุขภาพจิตชุมชน
อบต.วังกรด จ.พิจิตร ร่วมมือกับ มสช.ดำเนินโครงการพัฒนาความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนแนวทางป้องกันความรุนแรงในชุมชน และปัญหาสุขภาพจิตในกลุ่มผู้สูงอายุมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี โดย มานะ วุฒฑยากร นายก อบต.วังกรด จ.พิจิตร เผยว่า ที่ผ่านมา อบต.วังกรด ได้จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุกลุ่มงานรักช่างไม้ที่มีบทบาทสำคัญในการทำโลงศพ ซึ่งทำให้เกิดแนวคิดโครงการใหม่นั่นคือ “งานศพจบที่เรา” โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในกิจกรรมทำดอกไม้จันทน์และพับเหรียญโปรยทาน นับเป็นการเปิดโอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน ซึ่งเป็นแนวทางแก้ไขและป้องกันปัญหาแบบครอบคลุมทุกมิติ ไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกเหงา แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุติดบ้าน ส่งเสริมความสุขในชีวิตของพวกเขาได้อย่างแท้จริง
“สำหรับแนวทางการต่อยอดในอนาคต ในฐานะของ อปท.ต้องคิดให้แตก คิดให้ต่าง นำนโยบายของภาครัฐมาปรับให้เข้ากับพื้นที่ โดยมีกลุ่มคนเป็นที่ตั้งและต้องมีการบูรณาการร่วมกัน พร้อมทั้งยกระดับการดำเนินงานให้ทันสมัย ไม่จมปลักกับอดีต มองไปยังอนาคต โดยตอนนี้กำลังริเริ่มตั้งโครงการใหม่ ‘เล่าเรื่องเก่าเท้าความหลัง’ ด้วยการพัฒนาผู้สูงอายุวัยเก๋าให้เป็นนักบำบัดสุขภาพจิตตัวยง ผ่านวิธีการเล่าเรื่องเก่าแลกเปลี่ยนกัน เพื่อสร้างความสุขอย่างยั่งยืน” นายก อบต.วังกรด ให้ข้อมูลเพิ่ม
“อิสานลำม่วน” เครือข่ายสุขภาพจิตต้นแบบสุดม่วน ขยายสู่ “เสมาโมเดล - จุดพักใจผักไหมแคร์”
การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิตชุมชน โครงการพัฒนาความร่วมมือฯ ในระยะที่ 1 ที่มีความคล้ายคลึงกันในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเกิดเป็นโมเดล “อิสานลำม่วน” ปัจจุบันผลิดอกขยายผลแล้วใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ศรีสะเกษ จ.นครพนม และ จ.เลย โดยแต่ละพื้นที่มีการปรับรูปแบบการดำเนินงานให้เหมาะกับบริบทของชุมชน สังคม และสภาพแวดล้อมของตนเอง จนเกิดเป็น “เสมาโมเดล” โดย อบต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย และ “จุดพักใจผักไหมแคร์” โดย อบต.ผักไหม อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ที่ขยายผลต่อเนื่องไปยัง จ.นครพนม
“เสมาโมเดล” บูรณาการทุกภาคส่วน ร่วมมือเสริมแกร่งสุขภาพจิตชุมชน
เสมาโมเดลเกิดจากความร่วมมือของภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาครัฐ เพื่อร่วมป้องกันและส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน ต.วังสะพุง อ.วังสะพุง จ.เลย โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ยุทธ บุญเกษ ผู้ประสานงานเสมาโมเดล และตัวแทนจาก อบต.วังสะพุง กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปัจจุบันว่า จากการสนับสนุนของ มสช. และ สสส. รวมถึงน่วยงานที่เสริมหนุน ทำให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานในชุมชน ทั้งส่วนของ อทป.ที่มีงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หากนำมาบูรณาการร่วมกับงบประมาณของ พม.จะทำให้เกิดการแรงเสริมหนุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนนักส่งเสริมสุขภาพจิตระดับชุมชนท้องถิ่น (นสช.) ที่มาจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่ได้รับเงินเดือนอยู่แล้ว ขณะที่บางส่วนมาจากอาสาสมัครและหน่วยงานอื่นในพื้นที่ เช่น โรงเรียนผู้สูงอายุและอาสาสมัครพัฒนาสังคม (อพม.) ซึ่งการมีค่าตอบแทนสำหรับการทำงานนี้ในระดับนโยบาย จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความมุ่งมั่นและการมีส่วนร่วมจากอาสาสมัครได้มากขึ้น รวมถึงสนับสนุนให้การดำเนินงานในชุมชนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ยุทธ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ช่วยให้การดำเนินงานประสบผลสำเร็จว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นสช.ในพื้นที่ได้เสนอให้เห็นถึงความสำคัญของการมีหลักสูตรจิตวิทยาเพื่อช่วยโน้มน้าวและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ป่วยและญาติ โดยเน้นการเป็นเพื่อนและที่ปรึกษาช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจ เนื่องจากที่ผ่านมาดำเนินการโดยขาดความรู้ในการบำบัดและการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ ส่งผลให้มักใช้วิธีการที่รุนแรง เช่น การจับกุมและการนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยไม่มีการให้ความช่วยเหลือทางจิตวิทยา ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัวและไม่พอใจ เป็นต้น
“ที่สำคัญพื้นที่ตลาดวังสะพุงเป็นตลาดล็อตเตอรีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาผู้พิการฆ่าตัวตายจากการถูกตัดสิทธิ์ในการขายล็อตเตอรี การเข้าไปดูแลผู้ป่วยในพื้นที่อย่างทันท่วงทีจึงมีความสำคัญ โดย นสช.จะต้องใช้แนวทางที่เข้าถึงได้จริงตามหลักการ ‘เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา’ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อสร้างการดูแลสุขภาพจิตที่มีประสิทธิภาพในชุมชน” ผู้ประสานงานเสมาโมเดล ระบุ
“จุดพักใจผักไหมแคร์” บริการสุขภาพจิตเข้าถึงได้ 100% สู่ต้นแบบตำบลแห่งความสุข
จุดพักใจผักไหมแคร์ กล่าวได้ว่าเป็นโครงการส่งเสริมสุขภาพจิตโดยชุมชนท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จในการดูแลสุขภาพจิตให้กับผู้สูงอายุที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวใน อบต.ผักไหม อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ จนปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ในการร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เพื่อก้าวไปสู่ ตำบลต้นแบบแห่งความสุขอย่างยั่งยืน
ณปภัช บวรศักดิ์โสภณ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน อบต.ผักไหม อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ เล่าถึงที่มาของความสำเร็จว่า หลังทางพื้นที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาความร่วมมือฯ และจัดอบรมพัฒนาแกนนำ นสช. ในพื้นที่ 54 คน พร้อมลงชุมชนเก็บข้อมูล พบว่าใน ต.ผักไหม ที่ประกอบด้วย 17 หมู่บ้าน กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางมีปัญหาสุขภาพจิตทั้งหมด 75 คน จึงจัดกิจกรรม "จุดพักใจผักไหมแคร์" พื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวางแผนการช่วยเหลือปัญหาสุขภาพจิตอย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดยมีภาคีเครือข่ายร่วมดำเนินการ ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาพื้นที่ร่วมกัน ในการจัดจ้างอาสาสมัครลงพื้นที่เพื่อช่วยดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ ภายใต้งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งจากนี้ อบต.ผักไหม จะเดินหน้าสู่การเป็นตำบลต้นแบบแห่งความสุขอย่างยั่งยืน ที่เน้นการดูแลสุขภาพจิตในชุมชนอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ
ตอกย้ำ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” กุญแจสำคัญของสุขภาพจิตชุมชนอย่างยั่งยืน
ด้าน พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา หนึ่งในแกนนำโครงการพัฒนาความร่วมมือฯ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานร่วมกับ มสช. และภาคีเครือข่ายใน 15 พื้นที่ ว่า การดำเนินงานช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทางโครงการพัฒนาความร่วมมือฯ ได้มุ่งเน้นการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตในระยะเริ่มต้น ซึ่งช่วยลดความรุนแรงของโรคและเพิ่มโอกาสในการรักษา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน ขณะเดียวกันกลุ่มวัยทำงานและผู้ป่วยที่มีอาการชัดเจนยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องดำเนินการเพิ่มมากขึ้น ส่วนโครงการระยะที่ 2 ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ในการทบทวนการพัฒนาเครื่องมือ Community Mental Health Index (CMHI) หรือ ดัชนีสุขภาพจิตชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น ซึ่งทางโครงการจะพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตระดับชุมชนต่อไป
“ความท้าทายที่สำคัญของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข คือการทำงานร่วมกับ อปท.ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จ เพราะการดำเนินงานด้านสุขภาพจิตไม่เพียงเริ่มจากด้านสาธารณสุขแต่ยังขึ้นอยู่กับงานด้านการปกครองที่มุ่งเน้นการสร้างสังคมที่น่าอยู่และมีความสุข มากกว่าการยึดติดกับแนวทางการเมืองหรือเศรษฐกิจอีกด้วย” ผอ. รพ.ศรีธัญญา กล่าวทิ้งท้าย