นายกฯ มั่นใจคดี ดิไอคอน ไม่ล่าช้า หลังดีเอสไอรับไม้ต่อ ภูมิธรรม"ย้ำหลายภาคส่วนทั้ง "ปปง.-สตช." ร่วมรับผิดชอบทำคดี "อนุทิน" เผยยังไม่ตั้ง เอกภพ สายไหมต้องรอด เป็นที่ปรึกษามท.1 ต่อ หลังถูก บช.ก.เรียกให้ปากคำ นำพยานเท็จคดีดิไอคอน ด้านรมว.ดีอี" เผยสอบปม "เทวดา สคบ." เพิ่มอีก 17 ปาก อาจต้องขยายเวลาเพิ่ม "ดีเอสไอ" เชิญตำรวจชุดคลี่คลายคดีดิไอคอนฯ แจงข้อเท็จจริงในสำนวน ก่อนพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ยัน ตำรวจ-ดีเอสไอ ทำงานร่วมกันแค่เปลี่ยนเจ้าภาพ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 29 ต.ค.67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการโอนคดีดิไอคอนกรุ๊ปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ยังมีข้อกังวลอาจจะทำให้คดีล่าช้าและอาจมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาก่อน ว่า ดีเอสไอกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ประสานการทำงานร่วมกันตลอดว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องรายละเอียดทุกอย่างตำรวจได้ส่งข้อมูลสนับสนุนให้ดีเอสไอแล้ว ดังนั้นไม่น่าจะล่าช้า ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมทางตำรวจก็นำส่งอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า จะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้หรือไม่ ว่าคดีจะไม่ล่าช้า นายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ใช่ค่ะๆ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสอบสวนกรณี บริษัท ดิไอคอนก รุ๊ป จำกัด ว่า ขณะนี้ตำรวจได้ส่งมอบสำนวนคดีไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แล้ว เนื่องจากคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายเกิน 300 ล้านบาท และมีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 1,000 ราย ทำให้เข้าหลักเกณฑ์การส่งมอบคดีไปยังดีเอสไอเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป โดยยืนยันว่ามีการดำเนินการจากทุกภาคส่วน ทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการรวบรวมหลักฐานและสอบสวนพยานบุคคลเกือบเสร็จสิ้น
นายภูมิธรรม กล่าวยืนยันว่า ทั้งสตช.และปปง. ไม่ได้ทอดทิ้งคดีนี้ และขอให้รอรายละเอียดเพิ่มเติมหลังจากการส่งมอบข้อมูลอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ สำหรับประเด็นที่มีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มองว่าเป็นไปตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเป็นผลจากการสอบสวนที่เกิดขึ้นด้วย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษารมว.มหาดไทย ถูกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือบช.ก. เรียกให้ปากคำกรณีนำพยานเท็จ ออกมาให้ข้อมูลธุรกิจ ดิไอคอน กรุ๊ป จะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษารมว.มหาดไทยต่อหรือไม่ ว่า สถานภาพของนายเอกภพสิ้นสภาพไปตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งตอนนี้เป็นรัฐบาลใหม่แล้ว เพียงแค่ตนดำรงตำแหน่งเดิม ซึ่งขณะนี้หากมีเรื่องอะไรที่ยังติดใจสงสัยก็ต้องชะลอการพิจารณา และความเป็นสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ใครก็เป็นได้ แต่มีความผิดหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ ส่วนการดำเนินชีวิตประจำวันของนายเอกภพนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว
ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเทวดาสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ.เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ได้มีการประชุมและรายงานให้ทราบว่ามีการตรวจสอบคลิปเสียงที่ปรากฏขึ้นมา มีความเห็นว่าต้องขยายผล มีบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทำให้ต้องเรียกสอบพยานเพิ่มอีก 17 ปาก เป็นคนนอก 6 ปาก และเป็นคนใน 11 ปาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีปรากฏตัวย่อต่างๆ ก่อนหน้านี้จะสอบไปถึงหรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนขอให้ดูพยานหลักฐานก่อน เพราะเราสอบคนในไปถึง 11 ปาก คงจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเยอะ เมื่อถามย้ำเรื่องกรอบเวลา 30 วัน นายประเสริฐ กล่าวว่า ถือว่าตึงมาก ยิ่งดำเนินการยิ่งพบคนที่เกี่ยวข้องมากขึ้น ซึ่งหากระยะเวลา 30 วัน ไม่เพียงพออาจจะต้องมีการขยาย เมื่อถามอีกว่า เจ้าหน้าที่ สคบ. ที่ปรากฏเสียงในคลิปจะต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ขอดูหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แน่นอนก่อน
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุม ว่า สำหรับการส่งมอบหลักฐานสำนวนในคดีบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) มายังดีเอสไอเมื่อวันที่ 28 ต.ค.นั้น ตอนนี้รับเรื่องมาเพียงแค่บางส่วน เนื่องจากตอนนี้ยังมีสำนวนคดีอยู่ทั่วประเทศ จึงต้องรอทางตำรวจส่งมาที่ดีเอสไอ อย่างไรก็ตาม สำนวนที่อยู่ในมือก็ได้ให้คณะทำงานตรวจสอบเบื้องต้นไปแล้วเพื่อนำเข้าที่ประชุมในวันนี้ โดยในวันนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เชิญตำรวจเข้ามาชี้แจง พิจารณาคดีประกอบข้อเท็จจริงสำนวนคดี
สำหรับการรับไม้ต่อทำคดีจากทางตำรวจ บก.ปคบ. ในขั้นตอนแรกจะต้องดูกระบวนการว่าเรื่องนี้เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นคดีพิเศษได้โดยอธิบดีดีเอสไอรับเรื่องไว้เอง หรือผ่านบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ ก็จะต้องมีการตรวจรับรองสำนวนให้เรียบร้อย และมีการประชุมร่วมกับทางตำรวจว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง เพื่อวางแผนในการทำต่อไป เพราะอำนาจในการสอบสวนของดีเอสไอและตำรวจเป็นอำนาจเดียวกัน เพียงแต่มีการถ่ายอำนาจผ่านกันมาและเดินหน้าสอบต่อ รวมถึงการวางรูปคดี และการเร่งดำเนินการเพราะปัจจุบันมีผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมอยู่
ส่วนเอกสารที่ บก.ปคบ. ส่งมาเบื้องต้นกว่า 90,000 หน้ากับดีเอสไอนั้น เรารับไปตรวจสอบเบื้องต้น เพราะสุดท้ายต้องผ่านขั้นตอนแรกก่อน คือการพิจารณาว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของดีเอสไอหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับอำนาจการสอบสวน และที่เชิญตำรวจมาประชุมด้วยเนื่องจากสำนวนที่ส่งมายังมาไม่ครบทั้งหมด จึงต้องคุยในรายละเอียดว่าทางตำรวจได้ทำอะไรไปแล้วและข้อเท็จจริงที่ได้เป็นอย่างไรเบื้องต้น แต่ส่วนการตัดสินใจว่าดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ขึ้นอยู่กับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า เรื่องการเปลี่ยนมือจากทางตำรวจ บก.ปคบ. มาเป็นดีเอสไอ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าเราทำงานด้วยกัน แต่อย่างที่ย้ำเสมอเรื่องเปลี่ยนเจ้าภาพ เพราะกฎหมายดีเอสไอมีช่องทางบูรณาการได้มากกว่า แต่การทำงานทำด้วยกันคู่ขนานกัน และขณะนี้คดีดิไอคอนฯ ที่เกี่ยวกับคดีการฟอกเงินทางอาญา ทางดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษแล้วก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. (ผู้บังคับการปราบปราม) ได้เดินทางมาเข้าร่วมประชุมกับดีเอสไออีกด้วย