"รมว.คมนาคม" เดินหน้าแก้สัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คาดเข้า"ครม."ใน 1-2 สัปดาห์ ยันรัฐไม่เสียประโยชน์ มีการเจรจากับภาคเอกชนเรียบร้อยแล้ว ดีเดย์ก่อสร้างต้นปี 68

 เมื่อวันที่ 29 ต.ค.67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ว่า เบื้องต้นยังไม่ได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมชี้แจงว่าเรื่องการแก้ไขสัญญาเชื่อม 3 สนามบิน เป็นเรื่องที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้เจรจากับภาคเอกชน ซึ่งภายหลังการเจรจาภาคเอกชนชี้แจงว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงอยากให้รัฐบาลเยียวยาแก้ปัญหาให้เอกชน ซึ่งเอกชนเรียกร้องมา 6 ข้อ แต่มีข้อเดียวที่คณะกรรมการกำกับดูแลสัญญารถไฟฯ เห็นว่ามีข้อเดียวที่รับได้คือ เรื่องต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้นจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ทำให้เอกชนจะขอแก้ไขสัญญาในส่วนนั้น ทางการรถไฟฯ ไม่ได้นำมาพิจารณาให้ จึงอยากชี้แจงประเด็นนี้ให้ชัดเจนก่อน
 นายสุริยะ กล่าวว่า สำหรับเรื่องผลกระทบของโควิด-19 เป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พิจารณาว่าเป็นเรื่องของเหตุสุวิสัยจึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขสัญญา โดยดูให้ครบถ้วนทุกประเด็นว่าการแก้ไขในแต่ละข้อจะต้องเป็นการแก้ไขที่รัฐไม่เสียประโยชน์ และเหตุที่ว่าเราจำเป็นต้องอยากให้มีโครงการเดินนี้เดินต่อไปถ้าเกิดต่างฝ่ายต่างยกเลิกสัญญาจะเกิดปัญหาอย่างแน่นอน ซึ่งทางรัฐเองต้องยอมรับว่า ไม่สามารถส่งพื้นที่การก่อสร้างกับทางเอกชนได้ ขณะที่ ทางเอกชนก็จะต้องจ่ายค่าแอร์พอร์ตลิงค์ก็ไม่ได้จ่าย ทำให้ต้องมาเจรจากัน
 นายสุริยะ กล่าวย้ำว่า โครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของประชาชน จากสนามบินอู่ตะเภาเดินทางมาถึงสุวรรณภูมิไม่เกิน 1 ชั่วโมง จากปัจจุบันต้องขับรถใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ดังนั้น หากโครงการนี้เดินหน้าต่อไปได้ก็จะเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตาม การเจรจาต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่าภาครัฐไม่เสียประโยชน์ ยืนยันว่า รัฐไม่เสียประโยชน์ 100% แน่นอน

 ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการแก้ไขสัญญาจะทำให้การดำเนินโครงการแล้วเสร็จในปีไหน นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้หากไม่รีบเจรจา จะทำให้โครงการล่าช้าและไม่แล้วเสร็จในปี 2571 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโครงการเมืองการบินอู่ตะเภา โดยผู้ลงทุนได้ยื่นเงื่อนไขสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบินให้แล้วเสร็จก่อน หากล่าช้าอาจจะทำให้ถูกเอกชนฟ้องร้องได้ ดังนั้น จะพยายามดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนปี 2571

 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเรียกภาคเอกชนเข้ามาเจรจาเพิ่มเติมหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้การรถไฟฯ ได้มีการเจรจากับภาคเอกชนเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ยืนยันว่าตนไม่ใช่เป็นคนให้เริ่มเจรจา ซึ่งการรถไฟฯ เป็นผู้เริ่มเจรจาและส่งเรื่องมายังกระทรวงคมนาคม โดยมีสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ที่ทำหน้าที่กรองเรื่องที่เสนอเข้ามาว่ามีความสมเหตุผลหรือไม่ ซึ่งทางสนข.จะเลือกโครงการที่เป็นประโยชน์และการแก้ไขสัญญานี้ ก็ไม่เสียเปรียบ ตนจึงได้ลงนามอนุมัติเรื่องนี้ไปให้ทางคณะกรรมการฯ ดำเนินการต่อไป


 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ ครม. พิจารณาเพื่อเซ็นสัญญาฉบับใหม่ได้เมื่อไหร่ นายสุริยะ กล่าวว่า ในการดำเนินการยังมีขั้นตอน คาดว่าน่าจะไม่เกิน 1-2 สัปดาห์หลังจากนี้ ซึ่งเป็นการเสนอเพื่อแก้ไขมติครม.เดิม ซึ่งเมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว จะต้องนำกลับมาเจรจากับเอกชนตามหลักการที่ครม.ให้ไว้ จากนั้นก็จะนำเรื่องเข้า ครม. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อไปรายงาน ครม. ว่ามีการเจรจาออกมาเป็นอย่างไร และทางอัยการมีความเห็นดังนี้ เพื่อให้ครม.อนุมัติ หลังจากนั้น การก่อสร้างน่าจะเริ่มต้นภายในปี 2568