กระทรวงพาณิชย์รับลูก “นายกแพทองธาร-กกร.” แก้ปัญหาเป็นระบบ 4 เรื่องเร่งด่วน ทั้งปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ-เร่งเจรจา FTA -อำนวยความสะดวกผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล-ปิดบริษัทม้าที่เชื่อมบัญชีม้า
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวานได้มีโอกาสร่วมคณะของท่านนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในการรับมอบสมุดปกขาว ข้อเสนอแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจประเทศที่จัดทำโดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) นำโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ทำให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ได้รับข้อเสนอที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง
“ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้รับบัญชาจากท่านนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน 4 เรื่อง มีทั้งเรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง และเรื่องที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาสินค้านำเข้าด้อยคุณภาพ, การเร่งเจรจา FTA กับประเทศต่างๆ, การอำนวยความสะดวกให้กับผู้กับผู้ประกอบการ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100% รวมถึงการปิดบัญชีบริษัทม้าที่เชื่อมโยงกับบัญชีม้า” นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีห่วงใยต่อปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐานและธุรกิจต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้ง และสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปช่วยแก้ปัญหาผ่านกลไก “คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย” เพื่อดึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันเร่งรัดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และตั้งเป้าให้มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนภายใน 3 เดือนและนัดแรกจะจัดประชุมในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) เพื่อติดตามความคืบหน้าและพิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายพิชัย กล่าวอีกว่า วันนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้เร่งรัดเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศใหม่ๆ และเร่งสรุปผลการเจรจาที่ยังคั่งค้างเพื่อช่วยดึงดูดการลงทุน รวมถึงใช้ประโยชน์ด้านส่งออก-นำเข้า โดยการเจรจา FTA ที่ใกล้ปิดดีล เช่น ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) มีสมาชิก 4 ประเทศ คือ ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ หากเจรจาสำเร็จในปีนี้ ไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียน ที่ทำ FTA กับ EFTA นอกจากนั้น ยังมีการผลักดัน FTA อื่นๆ เช่น FTA กับสหภาพยุโรป(EU) ปากีสถาน ภูฏาน UAE และอินเดีย ทำให้ภายในรัฐบาลนี้คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้อีกหลายฉบับ รวมๆ มากกว่า 10 ประเทศ จากปัจจุบันไทยมี FTA 15 ฉบับกับเพียง 18 ประเทศ ซึ่งจะทำให้ไทยเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ตนได้คิกออฟระบบการให้บริการส่งออกสินค้ามาตรฐาน “OCS Connect” ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ 100% ตั้งแต่ในสัปดาห์แรกที่เข้ามารับตำแหน่ง โดยระบบดังกล่าว ครอบคลุมการให้บริการตั้งแต่การออกใบทะเบียน/ใบอนุญาต การตรวจสอบมาตรฐานสินค้า จนกระทั่งการออกใบรับรองมาตรฐานสินค้าเพื่อประกอบพิธีการศุลกากรขาออกผ่านระบบ National Single Window (NSW) ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และเบ็ดเสร็จในแพลตฟอร์มเดียว โดยผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้ามาติดต่อ เพราะมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดเอกสารที่ซ้ำซ้อน ลดขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่จำเป็น และรองรับการชำระค่าธรรมเนียมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบ e-Payment ได้ทันที
ขณะที่ในเรื่องสุดท้าย คือการปิดบัญชีบริษัทม้าที่เชื่อมโยงกับบัญชีม้า ตนได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หารือร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยได้รับทราบว่า มีนัดหมายกันในวันพฤหัสบดีที่ 31 ต.ค.นี้ ในเบื้องต้นกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะได้ชะลอการจดทะเบียนนิติบุคคลให้กับบุคคลที่อยู่ในบัญชีความเสี่ยง มีการเพิ่มความเข้มงวดในการรับจดทะเบียนด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ให้บุคคลที่เป็นผู้ต้องสงสัยตามประกาศรายชื่อ HR 03 ของ ปปง. ต้องมาแสดงตนต่อหน้านายทะเบียน เป็นต้น
“ขอเรียนย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์ พร้อมรับทุกข้อเสนอ เพื่อทำให้การค้าการลงทุนภายใต้รัฐบาลนี้เป็นไปอย่างก้าวกระโดด โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำข้อเสนอในสมุดปกขาวของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) มาปรับใช้ให้เข้ากับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้สอดรับกันซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชนต่อไป” นายพิชัย กล่าว
#กระทรวงพาณิชย์ #ข่าววันนี้ #เอฟทีเอ #บัญชีม้า #ดิจิทัล #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์